- 25 ต.ค. 2562
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวเนื่องจากพฤติการณ์ความเป็นนักการเมืองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง เพราะโดยเงื่้อนไขที่เกิดจากคำพูดในการเบิกความคำร้องเรื่องการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย กลายเป็นว่า สิ่งที่นายธนาธรประกาศต่อสาธารณะ ถูกมองว่ากำลังนำมาเป็นเงื่อนไขต่อรองกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกหนึ่งประเด็นเกี่ยวเนื่องจากพฤติการณ์ความเป็นนักการเมืองของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง เพราะโดยเงื่้อนไขที่เกิดจากคำพูดในการเบิกความคำร้องเรื่องการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย กลายเป็นว่า สิ่งที่นายธนาธรประกาศต่อสาธารณะ ถูกมองว่ากำลังนำมาเป็นเงื่อนไขต่อรองกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ลงนามคำวินิจฉัย กกต. ที่ 152/2562 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 เป็นคำสั่งยกคำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในการขอให้วินิจฉัยกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวเรื่องแนวทางการจัดการทรัพย์สินในการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองโดยใช้แนวทางบลายด์ทรัสต์ ว่า เข้าข่ายความผิดมาตรา 73 (5) ของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ หรือเป็นการเข้าข่ายหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ทั้งนี้ กกต. ได้พิจารณารายงานการไต่สวน และพยานหลักฐานอื่นประกอบแล้วได้ความว่า การแถลงข่าวการจัดการทรัพย์สินผ่านคณะกรรมการบลายด์ทรัสต์ ของนายธนาธร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 นั้น เป็นเพียงการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ตัวเองเท่านั้น ไม่ได้เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หรือเพื่อจงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเองหรือผู้สมัคร ซึ่งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า นายธนาธรกระทำการฝ่าฝืนตามคำร้องแต่อย่างใด
ล่าสุด อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้ให้ความเห็นในเชิงข้อกฎหมาย ไว้ในเฟซบุ๊กอย่างละเอียด ดังนี้
.....พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561
.....มาตรา 73 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
.....(5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
.....กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ว่า จะโอนหุ้นที่มีอยู่ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนภัทร จำกัด บริหารจัดการแทนในรูปของบลายด์ทรัสต์ โดยเป็นการโอนทรัพย์สินให้กองทุนเป็นผู้ดูแลและผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพย์สินของตนเองได้ การโอนทรัพย์สินในลักษณะนี้เป็นมาตรฐานใหม่ ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดทำมาก่อน และเป็นกระทำโดยสมัครใจไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ
.....แต่จนกระทั่งบัดนี้นายธนาธรยังไม่ดำเนินการโอนหุ้นของตนไปให้แก่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนภัทร จำกัดบริหารจัดการทรัพย์สินแทนในรูปของบลายด์ทรัสต์ดังที่ได้แถลงหาเสียงก่อนการเลือกตั้งแต่อย่างใด
.....กกต.เห็นว่า การกระทำของนายธนาธรเป็นเพียงการหาเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเองเท่านั้น ไม่เป็นการหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น จึงฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 มาตรา 73 (5) จึงให้ยกคำร้อง
.....การที่นายธนาธรแถลงเรื่องนี้โดยมีสื่อมวลชนเสนอข่าว ให้ประชาชนได้ทราบกันทั่วประเทศ ก็โดยเจตนาที่ให้ประชาชนเห็นว่าตนเองเป็นนักการเมืองที่ดีมีเจตนาเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งเป็นการกระทำในสิ่งที่ไม่มีนักการเมืองไทยคนใดกระทำมาก่อน
.....แต่เมื่อนายธนาธรไม่กระทำการตามหาเสียงไว้จนกระทั่งบัดนี้ ย่อมเห็นได้ชัดแจ้งว่าเป็นการหลอกลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ที่ตนเองเป็นหัวหน้าพรรคซึ่งเท่ากับเป็นการเลือกตนเองที่เป็นผู้รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง
.....การที่ กกต.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นการหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น จึงการวินิจฉัยที่ขัดต่อข้อเท็จจริงที่นายธนาธรได้กระทำอย่างชัดแจ้ง
.....ถ้าการกระทำของนายธนาธรยังไม่เป็นการหลอกลวงเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองแล้ว ต่อไปหัวหน้าพรรคการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้งก็คงใช้บรรทัดฐานนี้ไปหาเสียงโกหกหลอกลวงประชาชนกันได้อย่างสะดวกสบาย เจตนารมณ์ของกฎหมายเลือกตั้งที่ต้องการไม่ให้พวกโกหกตอแหลขี้โกง เข้าสู่วงการเมืองก็เป็นหมัน
.....หรือว่า กกต.ไม่ต้องการนำมาตรา 159 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 73 (3) (4) หรือ (5) ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับต้ังแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกต้ัง ของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี นั้น มาใช้บังคับแก่นายธนาธร
.....ยังมีกรณีที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินและพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินนายธนาธ รกับการที่พรรคอนาคตใหม่เอาเงินของพรรคไปใช้หนี้ให้แก่นายธนาธร ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ทั้งสิ้น
.....ข้อเท็จจริงทั้งสามกรณีปรากฎชัดแจ้งอยู่ในรายการทรัพย์สินของนายธนาธรที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงฟังได้ยุติแล้วว่านายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่กระทำการดังกล่าวจริง โดยไม่ต้องเสาะแสวงหาพยานหลักฐานที่ไหนอีกแล้ว สามารถดำเนินการวินิจฉัยได้ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ปรากฎข่าวว่า กกต. ดำเนินการอะไรบ้างแล้วหรือไม่ เพียงใด
.....กกต.ชุดหนึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี คิดว่า กกต.ชุดปัจจุบันน่าจะจำได้และคงไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-ภาพชัดมาก คำแถลงสหภาพยุโรป เชื่อมั่นไทยหลังเลือกตั้ง อีกหนึ่งเคสเมินคำชี้ชวน #ชังชาติ ธนาธร อย่างสิ้นเชิง?
-ดร.อานนท์อธิบายชัดที่มาคำพูดทูตจีน ซัดหนักนักการเมืองบางคน เทียบคนเนรคุณสองแผ่นดิน ทำอะไรไม่มีวันเจริญ
-ธนาธร อ้างบังเอิญเจอ โจชัว หว่อง โบ้ยภาพถ่ายคู่ถูกนำขยายสร้างความเกลียดชัง...ดูกันยาวๆ ระวังกระทบธุรกิจ ไทยซัมมิท ในจีน
-ธรรมนัส ลุย กระบี่ ตามความก้าวหน้า นำร่องเศรษฐกิจพอเพียง หนุนเกษตรแปลงใหญ่ผสมผสาน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน