ศาลฎีกาสั่งจำคุก ปลอดประสพ อดีตรองนายกฯ ไม่รอลงอาญา

สืบเนื่องจากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับ ปลอดประสพ เบี้ยวนัดฟังฎีกาคดีโยกย้ายลูกน้องมิชอบ ส่งตัวแทนขอเลื่อนฟังอ้างป่วย ศาลสั่งไม่เชื่อ สั่งปรับนายประกัน- นัดอ่านอีกครั้ง 7 เม.ย.นี้

สืบเนื่องจากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับ ปลอดประสพ เบี้ยวนัดฟังฎีกาคดีโยกย้ายลูกน้องมิชอบ ส่งตัวแทนขอเลื่อนฟังอ้างป่วย ศาลสั่งไม่เชื่อ สั่งปรับนายประกัน- นัดอ่านอีกครั้ง 7 เม.ย.นี้

โดยที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1063/2558 ที่ นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน อดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปลอดประสพ สุรัสวดี อายุ 75 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

โจทก์ยื่นฟ้อง ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.46 นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น มีคำสั่ง399/2546 แต่งตั้ง นายวิฑูรย์ โจทก์ ให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9) สำนักส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรสหกรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.46 แต่จากนั้นมีการตรา พ.ร.ฎ.โอนป่ากรมป่าไม้ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 ก.ย.46 ซึ่งขณะนั้นโจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.กองการอนุญาต กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

 

ศาลฎีกาสั่งจำคุก ปลอดประสพ อดีตรองนายกฯ ไม่รอลงอาญา

อ่านข่าว - ศาลอาญาฯออกหมายจับ ปลอดประสพ สุรัสวดี ประพฤติมิชอบ กลั่นแกล้ง โยกย้าย ขรก.กรมป่าไม้ ปี 46

ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  ได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว   เห็นว่า การกระทำของนายปลอดประสพ จำเลย ขณะดำรงตำแหน่งปลัด ทส.ที่ให้นายดำรงค์ออกคำสั่งใหม่ให้ นายวิฑูรย์ โจทก์ย้ายไปดำรงค์ตำแหน่งป่าไม้จังหวัดอำนาจเจริญนั้น เป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนระดับ 8 เป็นการย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ต่ำกว่าระดับเดิม และเป็นการโยกย้ายโดยเร่งด่วนไม่ได้หารือต่อคณะกรรมการที่จำเลยอ้างว่ามีปัญหาเรื่องตำแหน่งใหม่ของโจทก์ เมื่อมีการโอนย้ายสังกัดกรมป่าไม้จากกระทรวงเกษตรฯ มาสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งจากคำเบิกความของพยานที่ตอบคำถามยังได้ความว่าตำแหน่ง ผอ.สำนักงานวิชาการ 9 นั้น ก็จะมีกระบวนการสรรหาผู้มีคุณสมบัติซึ่งโจทก์ก็มีคุณสมบัติ จึงต่างจากที่จำเลยอ้าง

 


ดังนั้นการออกคำสั่งยกเลิกการแต่งตั้งโจทก์และการย้ายนายดำรงค์มาในตำแหน่งทับซ้อนกับโจทก์จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ได้รับความเสียหายและทางเจริญก้าวหน้าในอาชีพของโจทก์ ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายระบบราชการนอกจากความเหมาะสมแล้วจะต้องคำนึงถึงคุณธรรมและธรรมาภิบาลแต่เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์ของจำเลยแล้ว เป็นการกระทำที่ทำลายระบบคุณธรรมและธรรมาภิบาลในระบบราชการจึงไม่ควรรอการลงโทษ และที่ศาลอุทธรณ์ฯกำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 1.4 ล้านบาท นั้นเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

 


ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายตรามาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ให้จำคุกรวม 1 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ให้ออกหมายคดีถึงที่สุดด้วย

 


โดยภายหลังที่ได้รับฟังคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งผลถือเป็นที่สุดตามกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมตัว นายปลอดประสพ  ไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที หลังจากก่อนหน้านั้นเจ้าตัวใส่หน้ากากอนามันและนั่งรถเข็นมาศาล ตามรายงานข่าวว่ามีอาการป่วยหนัก

 

ศาลฎีกาสั่งจำคุก ปลอดประสพ อดีตรองนายกฯ ไม่รอลงอาญา