- 09 มิ.ย. 2563
หลังจากเป็นข่าวใหญ่กรณี กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 18 ยื่นหนังสือลาออก เพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยเฉพาะเก้าอี้หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคของ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รวมถึงการแสดงเหตุผลของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ที่ชัดเจนว่าเพื่อนำไปสู่การปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หลังจากเป็นข่าวใหญ่กรณี กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 18 ยื่นหนังสือลาออก เพื่อกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยเฉพาะเก้าอี้หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคของ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รวมถึงการแสดงเหตุผลของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ที่ชัดเจนว่าเพื่อนำไปสู่การปรับครม.ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : กนก ซัดไม่ไว้หน้า สมศักดิ์ โพล่งรื้อพปชร.นำปรับครม. ยิ่งวุ่นหนัก บิ๊กป้อม ลั่นไม่พร้อมนั่งหน.พรรค )
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม .ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม . รวมทั้งผลสำรวจประชาชนที่คัดค้านว่าไม่เหมาะสม เพราะจะกลายเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์ ว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ หลายวันนี้ตนได้ติดตามดูซึ่งก็มีข่าวกันทุกวัน ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองดำเนินการไป
“ในส่วนของการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นเรื่องของผม ผมจะรู้เองว่าควรจะพิจารณาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องเสนอตัวกันมาเยอะแยะในขณะนี้ พรรคร่วมก็เป็นเรื่องของพรรคร่วม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็มีหลายพรรค
เพราะฉะนั้นใครจะเป็นหรือไม่เป็น ผมยังไม่ได้คิดซักอย่าง วันนี้ขอทำงานไปก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเลิกและงดเสนอข่าวพวกนี้ได้แล้ ว มันเหมือนดราม่า มันเหมือนละครสักเรื่องหนึ่งเท่านั้น ก็เหมือนดูละคร ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเหมือนกัน ดังนั้นอย่าเพิ่งไปถึงตรงโน้นเลย อย่าพึ่งมาถามว่าผมจะปรับ ครม.หรือยัง ถ้าปรับเมื่อไหร่ผมจะบอกเองบางทีไม่ต้องบอกผมก็ปรับเอง มันเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวในการที่จะปรับ ครม.ซึ่งก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะว่ากันมา”
ส่วนประเด็นว่าด้วยผลงานในรอบ 1 ปีพอใจมากน้อยเพียงใด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถือว่าพอใจ อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจเพราะหลายอย่างที่ขับเคลื่อนมาก่อนหน้าได้รับการขับเคลื่อนต่อ อะไรที่มีปัญหาก็แก้ไขเช่นเรื่องรัฐวิสากิจต่างๆก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขและบางกรณีก็ต้องรอเวลาให้สุกงอมถึงจะทำได้เนื่องจากติดขัดในข้อกฏหมายหลายประการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.จะกระทบกับการทำงานในส่วนของรองนายกฯซึ่งเป็นฝ่ายบริหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทำไมล่ะ ถ้าท่านรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นเรื่องของท่าน ๆก็ต้องบริหารของท่านให้ได้ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ต้องทำงานทั้งสองด้านให้ได้ ถ้าท่านจะรับงานตรงโน้นก่อน ท่านก็ต้องทำงานตรงนี้ให้ได้เหมือนเดิม”
เมื่อถามว่าจะทำให้ภารกิจของนายกฯหนักมากขึ้นหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนัก ทุกคนทำงานได้หลายอย่าง เรื่องของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม.จะมาโยงกันได้อย่างไร การปรับ ครม.ก็เป็นเรื่องของ ครม.ก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการที่นายกฯขอสื่อไม่ให้ถามเรื่องการปรับ ครม.แล้วได้สะท้อนไปยังผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว รวมทั้งร่วมรัฐบาลต่างๆแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ”ผมพูดไปหมดแล้วเมื่อสักครู่ผมก็พูดไปแล้ว ที่สำคัญสื่อก็อย่าไปถามเขาก็แล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่กระแสข่าวการปรับ ครม.โดยเฉพาะ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเกรงว่าอาจจะหลุดจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดหรือไม่หลุดเลย ใครจะหลุดใครจะเข้าผมยังไม่ได้ดูเลยทั้งสิ้น ผมเอางานวันนี้ให้ได้ก่อน ก็ทงานำไปคนที่อยู่ในตำแหน่งวันนี้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”
เมื่อถามว่าเมื่อถามว่าถ้ามติที่ประชุมของพรรค พปชร.เลทอก พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้เป็นเรื่องของพรรค พปชร.เขา ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงสุขภาพของพล.อ.ประวิตรหรือไม่ เพราะมีอายุมากแล้วหากยังต้องรับ 2 ตำแหน่งก็อาจจะมีปัญหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไปถามท่านดู สื่อเองก็รู้ว่าพรรคการเมืองก็เป็นแบบยิบย่อย ซึ่งทุกพรรคก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่จะออกสื่อหรือไม่ออกผ่านสื่อเท่านั้นเอง วันนี้ก็เป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์กันอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สื่อคุ้ยกันทุกวันอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่านายกจะเข้าไปสยบปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมจะไปสยบอะไรเล่า ก็เพียงแต่ขอร้องว่าอย่าพูดกัน ให้ข่าวกันแล้วคนตัดสินใจเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็คือผมเข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ในส่วนพรรคของท่านก็ไปเตรียมการคนของท่านไว้ เมื่อไหร่ที่ผมปรับ ก็นำมาพิจารณา และเมื่อผมพิจารณาแล้วหากเห็นว่าไม่เหมาะสมผมก็เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง อำนาจผมมีอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทั้งนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะมีการพูดคุยกัน ถึงยืนและท่าทีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็คุยกันไป ก็คุยกันทั้งนั้น เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายกฯแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่คุยด้วยน่ะซิ”
เมื่อถามว่าแล้วได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยังพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ได้คุย”