เพื่อไทยโดนอีกดอก  รศ.พิชิต แขวะแรงปชต.แบบไหน โหยหานิรโทษกรรมเหมาเข่ง

นักวิชาการซัด การเมืองปชต. โหยหา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง" เพื่อประโยชน์ตัวเอง

ถึงแม้  นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   จะออกมายืนยันคำพูดของ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ในการปฏิเสธกระแสข่าวแนวทางนิรโทษกรรมให้แก่คดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ว่า ไม่มีมูลความจริงใดๆ และไม่ทราบเจตนาผู้ปล่อยข่าวว่ามีความประสงค์สิ่งใด ยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งหน้าแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และการดูแลช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน พร้อมขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่แปรเปลี่ยนไปจากโควิด-19

 

พร้อมให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า  กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบและดูแลการดำเนินการเกี่ยวกระบวนการยุติธรรมต่างๆ รวมทั้งการขอพระราชทานอภัยโทษในกรณีต่างๆ นั้น กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม มีการดำเนินการตามเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดอยู่แล้ว และรัฐบาลไม่สามารถไปก้าวก่ายหรือเสนอแนวทางใดๆ ได้

แต่ต่อมาเป็นทางด้าน   นายชวลิต วิชยสุทธิ์  ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย  ที่ออกมาสนับสนุนเรื่องการผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ที่เกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง ยกเว้นคดีทุจริต  โดยระบุว่า  ถึงแม้จะมีการปลดล็อกประเทศ  แต่ก็เป็นความดีใจแค่ข้ามคืน  หลังจากโฆษกรัฐบาลออกมาปฏิเสธเรื่องนิรโทษกรรม ตามที่เป็นกระแสข่าว 

 

เพื่อไทยโดนอีกดอก  รศ.พิชิต แขวะแรงปชต.แบบไหน โหยหานิรโทษกรรมเหมาเข่ง


ทั้ง ๆ ที่การรัฐประหารเมื่อวันที่  22 พ.ค. 2557  ข้ออ้างประการหนึ่งนอกเหนือจากการรักษาความสงบเรียบร้อย  ก็คือ การเดินหน้าสร้างความปรองดองของคนในชาติ  แต่จนบัดนี้ที่พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา กลับเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ท่านควรแสดงภาวะผู้นำ เมื่อเรียนผูก ควรเรียนแก้ปัญหาของประเทศ  ไหนๆ มีผู้จุดประเด็นข่าวการสร้างความปรองดองขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ก็ควรนำมาพิจารณาให้ความสำคัญ


"กระบวนการกล่าวหาว่า ผู้ใดทุจริต  กระบวนการนั้นก็ต้องยืนอยู่บนหลักนิติธรรม   ถึงจะได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ    ที่สำคัญได้รับการยอมรับจากผู้ถูกกล่าวหา   ขณะนี้ทั่วโลกเกิดวิกฤติจากการระบาดของไวรัสโควิด    ส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนมหาศาลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม   โดยเฉพาะจะมีคนตกงานนับสิบล้านคน   ธุรกิจต่างๆ ปิดกิจการมากมาย   ดังนั้นการสร้างความปรองดองของคนในชาติในห้วงเวลานี้จึงเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด  เพื่อระดมกำลังความคิด สติปัญญาจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันแก้ปัญหาและพัฒนาชาติ บ้านเมือง ผมเห็นว่า  มะม่วงสุกแล้ว  ไม่อ่อน จนเปรี้ยว แต่ถ้าปล่อยให้สุกเกินไป ก็จะเน่า"
 

ขณะที่ล่าสุด  รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กระบุข้อความว่า โหยหา "นิรโทษกรรมเหมาเข่ง" กันมาตลอด แม้โดนรปห.57 ไปแล้ว ก็ยังไม่สำนึกบทเรียน  คราวนี้ พอมีกระแสลม "เหมาเข่ง" อีกรอบ บวกกับเสียงกระซิบ "รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ" ก็หูผึ่งกันอีก

 

เพื่อไทยโดนอีกดอก  รศ.พิชิต แขวะแรงปชต.แบบไหน โหยหานิรโทษกรรมเหมาเข่ง

 

ทำไมนักการเมืองและบางพรรคที่อยู่ฝาย "ประชาธิปไตย" จึงโหยหา "เหมาเข่งและรบ.แห่งชาติ" เหลือเกิน?   ก็เพราะจะทำให้ความอยาก "กลับบ้านแบบเท่ ๆ" เป็นจริงสักที   ได้ปรองดองนั่งร่วมโต๊ะสามัคคีกับฝ่ายตรงข้าม "แบบเท่ ๆ"  โดยทิ้งปชช.ที่ถูกเผด็จการกดขี่ไว้ข้างนอกห้อง ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วว่า  เป็นนักการเมืองและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอีกต่อไป

 

เพื่อไทยโดนอีกดอก  รศ.พิชิต แขวะแรงปชต.แบบไหน โหยหานิรโทษกรรมเหมาเข่ง

 

ใจจริงก็อยากให้  "เหมาเข่ง+รบ.แห่งชาติ" เป็นจริงสักครั้งนะ  เป็นหินลองทอง ขีดเส้นแบ่งให้เห็นกันชัด ๆ ว่า ใคร นักการเมืองและพรรคการเมืองไหน  ให้มวลชนออกมาสู้จนต้องติดคุกล้มตาย  เพียงเพื่อผลปย.ตัวเอง และใครที่ยืนหยัดในประชาธิปไตยจริง!  #นิรโทษกรรมเหมาเข่ง #รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ

 

ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น รศ.ดร.พิชิต  ก็เคยวิพากษ์วิจารณ์วิธีการทำงานการเมืองของพรรคเพื่อไทย  ว่าเป็นไปในลักษณะถอยหลัง จนทำให้เพลี่ยงพล้ำในศึกเลือกตั้ง แล้วเอาแต่โทษคนอื่นๆ โดยไม่หันมองตัวเอง ว่า แท้จริงปัญหาอยู่ที่ใครกันแน่??

 

เพื่อไทยโดนอีกดอก  รศ.พิชิต แขวะแรงปชต.แบบไหน โหยหานิรโทษกรรมเหมาเข่ง