- 19 ก.ค. 2563
วิจารณ์สนั่นเวทีปลดแอก ป้ายล้มล้างสถาบันเบื้องสูงโผล่กลางเวทีชุมนุม คำถามผุดถึงคนไทย นายกฯตู่จะปล่อยไว้อย่างนี้หรือ
ยุติลงไปอย่างวุ่นวายกับการปลุกระดมผู้คนให้ออกมากดดันใน 3 เงื่อนไข คือ 1. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศยุบสภา โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาล "ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ" หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังปล่อยให้ "วีไอพี" ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้กักตัว สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบสอง 2. ให้ "หยุดคุกคามประชาชน" ทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยา โดยอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม 3. ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH" พร้อมการเปิดพื้นที่ให้ นายภานุพงศ์ จาดนอก และ นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ 2 บุคคลที่ถือป้ายใช้คำหยาบด่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จนโดนขุดคุยว่าแท้จริงแล้วมีพฤติการณ์ไม่ต่างจากแกนนำการเมืองในคณะก้าวหน้า ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องทัศนคติ และความคิดเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ซึ่งมีพระมหากษัตรยิ์ทรงเป็นพระประมุขสูงสุด
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดเบื้องหลังม็อบนศ.ปลดแอก ที่แท้ทีมไล่ลุงย้อนรวมตัว ประโคมกระแสรุนแรง หวังยุเกิดฮ่องกงโมเดล )
ย้อนกลับไปแทบทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง แกนนำคณะก้าวหน้ามักจะแสดงตัวอยู่เบื้องหลัง ให้ความชื่นชม ชื่นชอบ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็แฝงแนวคิดเชิงอุดมการณ์หรือเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศตลอดเวลา โดยเฉพาะกับหลักคิดต่อสถาบันเบื้องสูง อาทิ กิจกรรมครบรอบ 88 ปี เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เลือกโพสต์ให้เครดิตกับผู้จัดกิจกรรมในลักษณะเป็นบวก มีใจความสำคัญบางช่วงตอน ว่า "ผมเขียนบทความนี้ขึ้นหลังจากนั่งติดตามดูการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองวันครบรอบ 88 ปี วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 มาทั้งวัน วันครบรอบ 24 มิถุนายนปีนี้คึกคักมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา กิจกรรมถูกจัดขึ้นตั้งแต่ฟ้าสางจนถึงมืดค่ำ ทั่วทุกภูมิภาค ทั้งในสถานที่สาธารณะและในโลกออนไลน์บ้าง
เป็นการจัดเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของ เหตุการณ์ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ทางชนชั้นของคนในสังคม จากเจ้า-ไพร่ เป็นพลเมืองที่เสมอภาคกัน บ้างจัดเพื่อต่อต้านการทำให้ลืมของชนชั้นอภิสิทธิ์ชน บ้างจัดเพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการซึ่งเถลิงอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ทุกกิจกรรมตระหนักถึงความสำคัญของข้อตกลงในการรักษาเสรีภาพและสันติสุขในการอยู่ร่วมกันของสังคมสมัยใหม่ นั่นคือประชาชนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด และความคิดเห็นต่างในการพัฒนาบ้านเมืองควรตัดสินกันผ่านหีบเลือกตั้ง
การรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต รวมถึงการก่อสร้างอนุสาวรีย์ หรือรูปปั้นรำลึกบุคคลต่างๆ แสดงออกถึงคุณค่าที่สังคมนั้นยึดถือในข่วงเวลานั้นๆ เมื่อเวลาผ่านไป คุณค่าที่สังคมยึดถือเปลี่ยนไป ความสำคัญของการรำลึกถึงเหตุการณ์หรือของอนุสาวรีย์รูปปั้น ก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน วันนี้สังคมกลับมาให้ความสำคัญกับวันเปลี่ยนแปลงการปกครองอีกครั้ง ทั้งๆ ที่รัฐพยายามทำให้สังคมลืมวันนี้มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นั่นย่อมบอกถึงปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดีว่า คุณค่าที่สังคมยึดถือกำลังเปลี่ยนไป ...
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เทพมนตรี ซัดแรงก๊วนเพนกวิน จัดอีเว้นท์ 2475 ลั่นใครเสี้ยมให้อ่านประกาศคณะราษฎร )
หรือกระทั่งกิจกรรมการเมือง ณ ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ถูกจุดโดยอาศัยเหตุการณ์ในจังหวัดระยองมาเป็นข้ออ้าง แต่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล กลับเลือกโพสต์แทรกความคิดที่เป็นแนวการจัดชุมนุมของกลุ่ม "เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH" ไว้ว่า "ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ ประชาธิปไตยแปลว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ได้เวลาประชาชนทวงคืนอำนาจสูงสุดกลับมาอีกครั้ง ได้เวลายุติระบอบเผด็จการคณาธิปไตยครองเมือง"
ล่าสุด นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ว่า "ม๊อบเมื่อคืน บอกว่าอีก 2 อาทิตย์จะหวนมาทวงสัญญา สัญญา 3 ข้อ ของเด็กๆ แต่รัฐบาลคงไม่ทำไม่สนองให้แน่
การยกระดับของเด็กๆ ที่จะเกิดขึ้น ถ้าพวกเขารักษาคำพูดจริงๆพวกเขาก็จะกลับมา ช่วง 2 อาทิตย์นี้คาบเกี่ยวต้นเดือนสิงหาคม การปรับ ครม.คงเป็นรูปเป็นร่าง กระนั้นถ้าลุงตู่ไขก๊อกยุบสภา ลุงตู่เนื้อหอมก็กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพียงแต่ พปชร.จะยอมให้ลุงตู่เป็นว่าที่นายกฯตามที่พรรคต้องเสนอหรือไม่ เท่านั้น ... ม๊อบเด็กๆอาจไม่เกิดขึ้น
เ
(พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ตัวเชื่อมสำคัญในทุกกิจกรรมการเมือง ระหว่างกลุ่มนิสิต นักศึกษา กับนักการเมืองเบื้องหลัง)
อย่างไรก็ดีชะตากรรมของประเทศมันคงต้องไปไกลสุดซอย เพราะนักการเมืองเขี้ยวลากดินไม่อยากเหนื่อยกับการเลือกตั้ง ลุงตู่ไม่อาจยุบสภาได้หรอก อย่าลืมว่าศักดิ์ศรี ความเป็นลูกผู้ชายแห่งบูรพาพยัคฆ์มิอาจเสทือนเพียงเรื่องแค่นี้ กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังม๊อบเด็กๆ ย่อมรู้ ย่อมหากลยุทธ์ สร้างความป่วนต่อไป
ถ้าใครฟังการปราศรัยของเด็กๆ สำนวน เนื้อหา วาทกรรม ล้วนแล้วแต่เลียนแบบมาจากนักคิดนักเขียนอิงระบอบสาธารณรัฐแทบทั้งสิ้น นักพูดบนเวทียกตัวอย่างทั้งหนังสือเอ่ยชื่อนักเคลื่อนไหวในอดีตและเป็นอาจารย์ในปัจจุบัน
โวหารที่พวยพุ่งออกมาถ้าเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตัว มันคือกลุ่มคนพวกอายุ 50 ขึ้นไปอย่างเราๆไปถึงกลุ่มแก่ใกล้ลงโลง แนวๆคนเดือนตุลาคม 2516 และ 2519 น่าสงสารเด็กๆที่ยาพิษเข้าแผ่ซร่านเข้าสู่ร่างกายและความคิด
เด็กๆคือเหยื่อ แต่เด็กหน้าแก่ๆก็เยอะในม๊อบ เมื่อคืนนี้มีคนทำผิดกฎหมายแน่ๆและมีจำนวนไม่น้อย พวกล่วงละเมิดจาบจ้วงหนึ่ง , พวกหมิ่นประมาทหนึ่ง , พวกก่อกวนพร้อมจุดไม้ขีดหนึ่งอยู่ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะเอาอย่างไร
ภายในสองอาทิตย์นี้ ตำรวจคงออกหมายเรียกแกนนำมากมาย ความจริงแล้วควรสอบสวนไปสู่เบื้องหน้าเบื้องหลังใครเป็นผู้กำหนดเนื้อหาบทบาท ต้องลากตัวผู้อยู่เบื้องหลังออกมา จะเป็นครูบาอาจารย์ นักการเมือง นักคิดนักเขียน ก็ต้องไล่ล่าหาตัวออกมาให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยไป
ต้องจับให้ได้ และต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจตามตัวบทกฎหมาย ตัวอย่างม๊อบฮ่องกง ควรนำมาศึกษา เพราะผู้กำหนดม๊อบต้องการจำนวนเด็กๆให้ออกมา ยกระดับให้เป็นการจลาจลป่วนเมือง ถึงตรงนั้นต่อรองไม่ได้ ควบคุมยาก ในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังยุติ การนองเลือดก็จะเกิด"
ขณะที่ก่อนหน้านั้น นายเทพมนตรี กล่าวถึงภาพที่ปรากฎในโลกโซเชียล ด้วยความข้อความชัดเจนถึงหลักคิดการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า พ่อแม่ ปูย่าตายาย โคตรเหง้าสักหลาดในแผ่นดินนี้ ไม่เคยคิดสั่งสอนลูกหลาน ไม่คิดถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคตของคนๆนี้ เอาเสียเลย
สันติบาลก็ดี ทหารตำรวจก็ดี หรือประชาชนอย่างเราก็ดี รู้สึกเจ็บ ความดัดจริต ทำอะไรเพื่อให้ได้ภาพความเป็นคนรุ่นใหม่ แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการหล่อหลอมจากพวกลัทธิสาธารณรัฐ หรือพวกสังคมนิยมเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
คนเหล่านี้แม้เป็นคนรุ่นใหม่แต่พวกเขานิยมชมชอบคลั่งลัทธิประชาธิปไตย พวกเขาไม่มีความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขาชอบใช้สิทธิเสรีภาพไปละเมิดผู้อื่นตลอดเวลา ไม่รู้จักหน้าที่ความเป็นพลเมืองที่ดีมีความเคารพกฏหมาย และใช้กลไกผ่านตัวแทน หรือผู้แทน นั่นแสดงความนักการเมืองของเราล้มเหลว ล้มเหลวทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลไม่มีน้ำยาที่จะเป็นตัวแทนพวกเขาได้
อันที่จริงในแต่ละครั้งมี่เกิดเหตุการณ์นี้ นักการเมืองควรลาออก เราไม่เคยเห็นนักการเมืองส่วนใหญ่ออกโรงมาปกป้องสถาบัน คนพวกนี้นอนกกเมียอยู่บ้าน เมียน้อย และเด็กๆ ผมหมายถึง ส.ว.หุ่นยนต์ด้วย!ใครกำหนดให้พวกเขาเข้ามาทำหน้าที่เป็นตรายาง
สำหรับคนรุ่นใหม่ละเลยไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทย รากเหง้า สาแหรก หรือความคิดกตัญญูรู้คุณก็หามีไม่ แต่พลังพวกเขาน่ากลัว ไม่คสรประมาท นี่ไม่นับอคติ การหลงเชื่อตำรับตำราที่เป็นยาพิษขนานใหญ่
คนเหล่านี้เป็นเหยื่อ เป็นทาสความคิดของคนรุ่นเรา คนรุ่นเราที่กระทำการไม่สำเร็จเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
จอมคนพวกเสี้ยม...จุจุจุ...บัดนี้เขาได้สร้างตัวแทนขึ้นมาใหม่หวังสร้างประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะ ชัยชนะที่เขาเชื่อว่าระบอบสาธารณรัฐและสังคมนิยมนั้นดีกว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็เป็นครั้งหลังที่ทำกันเป็นขบวนการ ในรอบปีมี่ผ่านมามันเริ่มหนักข้อขึ้น ใช้การปลุกระดม จับผิดเป็นพื้นฐาน เสี้ยมให้เกิดการแตกแยก แล้วเรียกว่าเป็นแค่ความคิดต่าง สร้างฮีโร่ขึ้นมาในหมู่พวกเขา ระบาดความคิดออกไปในบรรดาอัครสาวกและสาวกที่ปูพื้นเอาไว้ในแผ่นดิน
(สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตนักโทษคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ปรากฎตัวอีกครั้ง ในการชุมนุมการเมือง)
ประสานความร่วมมือชาวต่างชาติ ดึงองค์กรระหว่างประเทศขึ้นมา เพาะบ่มอุดมการณ์ความเชื่อ วาทกรรมฝังรากลึกในใจเด็กและเยาวชน ผ่านนักวิชาการครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเครือข่ายกันมาตั้งแต่ปี 2540
ภายใน 5 ปีนี้ เขาจะประสบผลสำเร็จ ชัยชนะของพวกเขาประวัติศาสตร์ต้องจารึกกลายเป็นบุคคลสำคัญเฉกเช่นคณะราษฎรที่พวกเขาพยายามเชิดชูเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือล้มล้างสถาบันอันเป็นที่รักของพวกเรา! เราจะยอมไหม เป็นหน้าที่รัฐบาลลุงตู่ ลงมือได้แล้วลุง!