อ.ชูชาติ เจาะลึก 4 ข้อสังเกต สภาพรถหรูบอส อยู่วิทยา พุ่งชน ด.ต.วิเชียร ยากทำให้คนผิดเป็นถูกได้

ยังปะทุคุกรุ่นอย่างหนัก จากที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงธนบุรี มีคำสั่งยื่นอุทธรณ์คดี ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษ นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจผลิตและประกอบอะไหล่รถยนต์ จำเลยในคดีหมายเลขดำ 1839/2562 ของศาลอาญาตลิ่งชัน (ศาลจังหวัดตลิ่งชันเดิม) ในฐานความผิดขับรถด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฏหมายกำหนด, ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถโดยประมาทอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส รวม 3 ข้อหาจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคม

ต่อมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่าพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรวุธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว และดำเนินการเพิกถอนหมายจับต่อไปนั้น

อ่านข่าว - บทพิสูจน์ทนายแผ่นดิน! เปิด 9 ข้อเน้นๆ คนไทยคาใจ ทำไมปล่อย "บอส" พ้นผิด ศรีสุวรรณฝากถึง 7 คณะอัยการสอบคดี

กระทั่ง นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรอบของการประชุมนัดแรกในการตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการคดีพิเศษอาญากรุงเทพใต้ 1 หลังสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ว่า จะมีการพิจารณาใน 3 ประเด็นหลักตามที่อัยการสูงสุดได้สั่งการ ในประเด็นแรกคือ คำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  //ประเด็นที่ 2 เป็นไปตามระเบียบกระบวนการหรือไม่ และประเด็นที่ 3 มีเหตุและผลอย่างไรที่พิจารณาสั่งไม่ฟ้อง  โดยอัยการสูงสุดมีกรอบให้ทำงาน 7 วัน ในการสรุปประเด็นดังกล่าว 

อ่านข่าว - ไม่บอกก็รู้ก้นร้อน! เปิด 3 ประเด็น คกก.อัยการนำถกนัดแรก ไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา รองโฆษกฯโดนซักหนักรื้อฟื้นคดี

ล่าสุด อ.ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า"...ภาพนี้คือสภาพรถยนต์เฟอร์รารี่และรถจักรยานยนต์ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ มีข้อสังเกตคือ

.....1.ถ้ารถจักรยานยนต์เปลี่ยนช่องทางเดินรถตัดหน้ารถยนต์ทันทีทันใดในระยะกระชั้นชิดจนผู้ขับขี่รถยนต์ห้ามล้อไม่ทัน รถจักรยานยนต์ต้องถูกชนด้านข้างและขาของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้านที่ถูกรถยนต์ชนต้องหักหรือมีร่องรอยการถูกชน

.....2.ตามภาพสภาพของรถจักรยานยนต์ไม่มีร่องรอยว่าถูกชนด้านข้าง แต่ตามสภาพรถจักรยานยนต์และสภาพรถยนต์เห็นได้ว่ารถยนต์ชนรถจักรยานยนต์จากด้านหลัง จึงเป็นไม่ได้ที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เปลี่ยนช่องทางเดินรถตัดหน้ารถยนต์ทันทีทันใดแล้วถูกชน

.....3.การที่รถยนต์เฟอร์รารี่ซึ่งเป็นรถยนต์ราคาแพงมากตัวถังน่าจะมีความแข็งแกร่งกว่ารถยนต์ทั่วไป แต่สภาพรถยนต์หลังเกิดเหตุบุบได้รับความเสียหายมากแสดงให้เห็นถึงการชนอย่างรุนแรง จึงเป็นไปไม่ได้ที่รถยนต์แล่นมาด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

.....4.มีข่าวว่าเกิดเหตุแล้วรถยนต์ลากรถจักรยานยนต์ไปเป็นระยะทางยาวมากกว่า 160 เมตร แสดงให้เห็นว่ารถยนต์ต้องแล่นมาด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน

.....การให้ความเห็นเป็นไปตามสภาพรถยนต์และรถจักยานยนต์หลังเกิดเหตุ กับข่าวจากสื่อมวลชน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ มากกว่านี้ ที่มีอยู่ในสำนวนการสอบสวนไม่อาจทราบได้"

ก่อนหน้านั้น อ.ชูชาติ ได้โพสต์ถึงกรณีหัวหน้าพรรคการเมือง พยายามพาดพิง  ศาลยุติธรรม ในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในขั้นตอนของระบบงานยุติธรรม ว่า ".....ข่าวนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์กรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ว่า ตนไม่สามารถก้าวล่วงศาลได้ แต่สามารถสะท้อนถึงความเป็นอภิสิทธิ์ชน เมื่อเทียบกับคดีอื่นก็เห็นว่ามีหลายกรณีขับรถชนผู้เสียชีวิตแล้วติดคุกหลายปี 

.....นายพิธากล่าวได้อย่างไรว่าไม่สามารถก้าวล่วงศาลได้ เพราะเมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง คดีก็ยังไม่ได้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาล 
.....หรือว่าคนที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองอย่างนายพิธาไม่รู้ว่าองค์กรอัยการกับองค์กรศาลเป็นหน่วยงานต่างองค์กรกัน แยกจากกัน
.....หรือว่านายพิธาต้องการให้คนทั่วไปเข้าใจผิดและด่าศาล ทั้งๆ ที่คดียังไม่ถึงศาล ซึ่งเป็นพฤติกรรมของสมาชิกพรรคก้าวไกลที่มักจะให้ความเห็นในลักษณะที่มีเจตนาให้ประชาชนสับสนเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรต่างๆ บ่อยๆ"