- 01 ธ.ค. 2563
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ "อ.ชูชาติ ศรีแสง " อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ศาลยุติธรรม ได้ให้ความเห็นทางข้อกฎหมาย สืบเนื่องจากการที่แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับผู้สมัครนายกอบจ.และสมาชิกอบจ. ว่า อาจเข้าข่ายความผิด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 111 บัญญัติว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ "อ.ชูชาติ ศรีแสง " อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ศาลยุติธรรม ได้ให้ความเห็นทางข้อกฎหมาย สืบเนื่องจากการที่แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับผู้สมัครนายกอบจ.และสมาชิกอบจ. ว่า อาจเข้าข่ายความผิด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 111 บัญญัติว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำประเด็นดังกล่าว พร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนคณะผู้ก่อตั้งคณะก้าวหน้าทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัคร นายก อบจ. และ ส.อบจ. ทั่วประเทศในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าข่ายสมคบกันในการดำเนินกิจการเช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองหรือไม่ และหากพบว่าผิด กกต.ต้องดำเนินการเอาโทษทางกฎหมายและเพิกถอนสิทธิในการสมัคร อบจ. ของสมาชิกคณะก้าวหน้าต่อไป
( คลิกอ่านข่าวประกอบ : ศรีสุวรรณ เคลื่อนไหวแล้ว หลังนักกม.จับโป๊ะ 3 แกนนำก้าวหน้า เข้าข่ายผิดอาญาพรป.พรรคการเมือง )
ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าว มีความคืบหน้าเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมกกต.มีมติสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อร้องเรียนดังกล่าว จากพฤติการณ์ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในนามคณะก้าวหน้า ว่าเข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 111 พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่กำหนดว่าผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่มีลักษณะคล้ายกับพรรคการเมืองหรือไม่ ภายหลังพิจารณาข้อมูลหลักฐานที่คณะทำงานด้านกิจการพรรคการเมืองของสำนักงาน กกต. รวบรวมเสนอ แล้วเห็นว่ามีน้ำหนักพอสมควรที่ กกต.จะดำเนินการต่อไปตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสอบสวนและไต่สวนได้
ขณะที่ล่าสุด ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวว่า #แถลงอย่างไรให้มัดตัวเอง "คุณช่อลืมตัวไปหรือเปล่าว่าตัวเองกับแกนนำคณะก้าวหน้าคนอื่นๆ อย่าง นายธนาธรและปิยบุตร ต่างก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่คุณช่อกลับออกมาแถลงข่าวว่า “จากเวลาที่เหลืออีก 3 สัปดาห์ จะเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ. คณะก้าวหน้าจะยังคงเดินทางไปทุกจังหวัด ไปทุกพื้นที่ของประเทศไทย โดยไม่กังวลและไม่ต้องระวังตัว เพราะตราบใดที่เราเป็นนักการเมืองต้องเดินเข้าหาประชาชนได้” ดังที่ปรากฏอยู่ในหน้าข่าวหลายสำนัก
การออกมาแถลงข่าวของคุณช่อในครั้งนี้ จึงถือเป็นการออกมายอมรับว่าคณะก้าวหน้า ทำกิจกรรมทางการเมืองในฐานะนักการเมืองจริง ทั้งๆที่อยู่ระหว่างการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และคณะก้าวหน้ามีกิจการคล้ายคลึงกับพรรคการเมือ ง โดยที่คณะก้าวหน้ามิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ดังนั้นจึงมีโอกาสไม่น้อยที่คณะก้าวหน้าจะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 111 พร้อมกับการที่คุณช่อออกมาสร้างหลักฐานมัดตัวเอง และเผื่อแผ่ความซวยให้กับนายธนาธรและปิยบุตร รวมถึงผู้สมัครทั้งหมดในนามของคณะก้าวหน้าอีกด้วย
ผลสุดท้ายถ้าถูกตัดสินว่ามีโทษทางกฎหมายก็อย่าโวยวายอีกนะ เพราะพวกคุณทำตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใคร หรือ กฎหมายใดๆ ลงโทษพวกคุณได้หรอก หากพวกคุณไม่ได้กระทำผิดกฎหมายเสียเอง และการออกมาโทษผู้อื่นแบบมั่วๆ หรือ อ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง มันไม่ได้แสดงถึงความเป็นปัญญาชน#ช่อเธอทำอะไรลงไป #พวกเราถูกตัดสิทธิ์อยู่นะ #อย่าทำตัวเหมือนพรรคสิ
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 111 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี...