- 22 ก.ค. 2563
มีการพบเสื้อส้มในสวนของนายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 500 เมตร ถนนทางเข้าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ที่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว เพียงแต่ปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างประมาณ 50 เมตร เสื้อส้มตัวนี้ถูกยัดไว้ใต้ขอนไม้ลักษณะม้วนไว้ ใกล้กันมีเสื้อยืดสีขาวถูกรัดเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ติดกับพื้น
ล่าสุดมีการพบเสื้อส้มในสวนของนายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 500 เมตร ถนนทางเข้าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ที่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว เพียงแต่ปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างประมาณ 50 เมตร เสื้อส้มตัวนี้ถูกยัดไว้ใต้ขอนไม้ลักษณะม้วนไว้ ใกล้กันมีเสื้อยืดสีขาวถูกรัดเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ติดกับพื้น
นางชนาภา เชื้อคมตา เมียของนายนริน หนึ่งในคนที่เจอเสื้อส้ม กล่าวว่า ตนมาเจอเสื้อนี้ที่เป็นเสื้อแจกอุปกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาบ่าย 3 เริ่มต้นนั้น มีตน เมียผู้ใหญ่ ป้าเอม แหลม และอีกคนไม่ขอเปิดชื่อ นัดกันไปหาหน่อไม้ทำกับข้าวต้อนรับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก่อนพบกับเสื้อที่อยู่ในกอหน่อไม้ ต้องลอดช่องเข้าไม้ไปถึงจะเห็น
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ค่อยได้มาที่จุดนี้ หากจะมาก็หาใกล้ ๆ บ้าน จุดพบเสื้อส้มถือเป็นจุดลับตาคน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเสื้อถูกยัดเอาไว้แบบนี้ หากจะมีคนทิ้ง คนทำสวนก็คงทิ้งเลย ไม่จำเป็นต้องยัดไว้แบบนี้ ตนได้นำเรื่องมาปรึกษาผู้ใหญ่บ้านก่อน และแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วงเช้า เพราะคิดว่า อาจจะเป็นหลักฐานอะไรได้ แต่ไม่รู้ว่าเสื้อมีอะไรอยู่ใกล้ ๆ ไหม เพราะตอนเจอเสื้อก็ตกใจออกมาเลย ไม่ได้เอาหน่อไม้ที่จุดนั้น และไม่รู้ว่าเสื้อเป็นของใคร
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ดูเสื้อก็รู้แล้วว่าถูกซ่อนเป็นเวลานาน เนื่องจากปลวกเริ่มทำรังบริเวณเสื้อแล้ว เสื้อนี้เหมือนเสื้อที่แถมจากการซื้อรถไถ ตนก็มีและยังอยู่ ดังนั้น คนที่จะมีเสื้อตัวนี้ได้ ก็จะต้องเป็นบ้านที่มีรถไถเท่านั้น ตนไม่มั่นใจทำไมต้องนำเสื้อมาซุกตรงจุดนี้ อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญของคดี เพราะถ้าจะทิ้งเสื้อผ้าจริง ๆ ทำไมต้องซุกแบบนี้ด้วย
ส่วนเหตุผลที่เสื้อจะพัดไหลลงมาจากภูเหล็กไฟ ผ่านร่องน้ำจนมาถึงจุดพบเสื้อ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฝนยังไม่ตกหนักถึงขนาดน้ำจะไหลหลากสูงถึงระดับพื้นดิน ด้านนายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ได้พาสื่อไปดูเสื้อส้มของตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากเสื้อในโพรงไม้ เป็นคนละร้านกัน ส่วนภาพที่ตนสวมเสื้อส้ม เป็นภาพที่ถ่ายมานานแล้ว ประมาณ 5-6 ปีก่อน ช่วงตนลงเกี่ยวข้าวพอดี และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ใส่เสื้อนั้นอีก เนื่องจากอึดอัด มีขนาดเล็กเกินไป
ตอนแรกที่เจอเสื้อส้มซุกไว้ ตนตกใจนึกว่ามีคนนำเสื้อตนไปซุกหรือไม่ แต่พอดูชัด ๆ ก็มีความแตกต่างกัน เสื้อตนซื้อจาก อ.ดงหลวง เสื้อที่ซุกเป็นเสื้อคนละอำเภอ หลังจากนั้นปล่อยให้เป็นกระบวนการของตำรวจต่อไป ส่วนปลอกหมอนสีขาวที่ตั้งใกล้ ๆ ตนไม่มั่นใจว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจเอาไปตรวจแล้ว
ส่วนนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ กล่าวว่า เสื้อส้มนั้นเหมือนเสื้อที่แถมมาจากการซื้อรถไถ คนที่จะมีเสื้อนี้ได้ต้องเป็นคนที่มีรถไถเท่านั้น หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะพิสูจน์ต่อไปว่า เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่หรือไม่ ยืนยันตนไม่มีเสื้อแบบนี้ แม้จะพบเสื้อจะห่างจากบ้านตนประมาณ 200 เมตรก็ตาม
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนถามคนที่มีรถไถไปทั่วหมู่บ้านหลายคน กระทั่งเจอกับนายจ่อย เจ้าของรถไถนาคูโบต้า เปิดเผยว่า รถตนนั้นเป็นรถรุ่น L47045SP ซื้อมาจากร้านอาร์เอ็มจี จ.สกลนคร และได้รับเสื้อแจก 1 ตัว พอทีมข่าวนำเสื้อส้มที่พบมาให้ดู นายจ่อยก็ยอมรับว่า เป็นเสื้อของตนจริง
เมื่อปลายปี 2562 ตนไปหาหน่อไม้ที่สวนยางพาราของนายตุง ตรงนั้นเป็นริมห้วยบุง ตนสวมเสื้อตัวนั้นไปหาหน่อไม้ แต่เกิดระคายผิว จึงได้ถอดเสื้อแล้วยัดทิ้งใต้ขอนไม้ ตั้งใจให้น้ำพัดลอยไป แต่น้ำก็ไม่พัดไป สาเหตุที่ทิ้งเสื้อ เพราะเสื้อดำ สกปรก มีกลิ่นเหม็น
ตนมั่นใจว่าตนไม่ได้ก่อเหตุคดีน้องชมพู่ เพราะตนไปจุดนั้นก่อนเกิดเหตุน้องชมพู่หลายเดือน ถ้าหากคนร้ายเอาเสื้อตนไปก่อเหตุ ตนก็ไม่รู้สึกกังวล ตอนที่มีข่าวว่าพบเสื้อส้ม ตนก็คิดอยู่ในใจแล้วว่าเป็นเสื้อตน แต่ก็ไม่ได้บอกใคร ตั้งใจจะบอกตำรวจด้วยตัวเอง แต่เมื่อเสื้อตนถูกเอาไปตรวจ ตนก็กลัวว่าจะเป็นแพะ
เบื้องต้น ตำรวจนำหลักฐานไปตรวจหาดีเอ็นเอแล้วว่ามีของใครติดไปหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกับเศษผ้าสีขาวที่เป็นปลอกหมอน คาดว่า เสื้อส้มน่าจะถูกซุกซ่อนเกิน 15 วัน และไม่ได้ถูกน้ำพัดมา