- 28 ก.ค. 2563
โผล่ไอโม่งเป่าหูชาวบ้าน ชี้เป้า 95% ลุงพลฆ่าชมพู่
เรียกว่าจู่ๆ นั้นก็เกิดเรื่องราวร้อนระอุขึ้นมาสำหรับการหาตัวคนร้ายฆ่าน้องชมพู่ โดยเมื่อวานที่ผ่านมา (27/07/2563) ได้เกิดประเด็นขึ้นมาหลังจากที่ ทางทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์นั้น ได้เดินทาง มาพบกับ นางสมพร หลาบโพธิ์ ป้าของชมพู่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้ามีชาวบ้าน มาเล่าให้ตนฟังว่า มีชาวบ้านคนหนึ่งไปพูดกับคนในชุมชน ทำนองว่าลุงทำร้ายน้องชมพู่ 95% เพราะมีคนเห็นลุงพลนั่งใกล้ที่เจอศพน้องชมพู่ แต่ไม่ได้บอกว่านั่งวันไหน นั่งอย่างไร เท่าที่ตีความคือช่วงก่อนเจอศพ
เมื่อตนได้ยินแบบนั้น ก็คิดอยากจะสาปแช่ง แต่ก็มองว่าคงไม่ดีหากจะทำแบบนั้น ตนคิดว่าคนที่พูดตาคงไม่ดี ปากยังเสียอีก ตนรู้จักกับคน ๆ นี้ ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับตน แถมตนยังเคารพเขาด้วย ตนรู้สึกแปลกที่เขาพูดแบบนี้ ซึ่งเขาไม่เคยมาคุยดับตนเลย ตนก็อยากให้เขามาคุยดี ๆ แต่คน ๆ นี้เป็นคนที่พูดฉะฉาน คิดว่าคงพูดไปทั่วหมู่บ้านแล้ว
ทั้งนี้ตนอยากให้คนที่พูด ย้อนมองตัวเองบ้าง ทำไมถึงพูดใส่ร้ายคนอื่น คนพูดดีก็ดี พูดไม่ดีน่าจะต้องเข้าตัวเอง ซึ่งตนได้ยินเรื่องที่คน ๆ นี้พูดถึงลุงแบบไม่ดี 2-3 ครั้งแล้ว เชื่อว่าที่ตนพูดออกมาคงต้องรู้ตัวเอง ตนไม่อยากให้ไปพูดลับหลัง เพราะตอนนี้ยังไม่กระจ่างว่าคดีจะเป็นอย่างไร ตนได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกแย่ แต่ไม่สมควรพูดเลย
ด้าน นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าคนที่พูดไปเห็นตอนไหน วันที่เท่าไร แล้วคนเห็นไปกี่คน ทำไมไม่ถ่ายรูปมา พูดลอย ๆ ไม่ได้ประโยชน์อะไร ตนวิ่งไปแต่หาร่างทรง หมอธรรม ตนแทบไม่ได้ขึ้นเขา ตนขึ้นไปวันที่ 12 ก.ค.63 กับลุงคล้าย กับนายสัตยา เท่านั้น ซึ่งก็มึดแล้ว แล้วจะไปนั่งตรงไหน ตนรู้ว่าคนที่พูดเป็นใคร กลับกันตนไม่เคยเห็นเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ามาหาน้องชมพู่ไหม
การทำแบบนี้เหมือนจงใจใส่ร้าย ยิ่งบอก 95% ตนเป็นคนร้าย ตนอยากบอกว่าสิ่งที่พูดต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน “มันเป็นคำพูดของคนไม่หวังดี ไม่เอามาใส่ใจ อโหสิกรรมให้ทุกอย่าง” ตนไม่สนใจคำพูดคนพวกนั้น ซึ่งที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้เป็นคนไม่ชอบนิสัยตน เคยมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ บาดหมางเรื่องคำพูดคำจากัน ซึ่งกรณีนี้เหมือนกฎหมู่ อยากพูดอะไรก็พูด แต่ทุกวันนี้กฎหมายต้องมาก่อน ชั่วโมงนี้กฎหมายต้องมาเหนือกฎหมู่ ดังนั้นตนไม่สนใจกรณีนี้
ส่วนทางด้านของ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีเพจมุกดาหาร เคยลงข้อมูลว่าน้องชมพู่หายไปในเวลา 07.30 - 09.00 น. นั้นตนก็จำไม่ได้ว่าเคยให้ข้อมูลไปกับเพจ หรือญาติ ๆ เป็นคนให้ข้อมูล
แต่ตอนนี้ตนอยากอธิบายว่าตำรวจได้ตรวจเช็กเวลาที่น้องชมพู่หาย พบว่าเวลา 09.11 น. นั้น น้องชมพู่ยังมีการดูยูทูบอยู่ และทางตำรวจก็ได้บอกแล้วว่าน้องชมพู่น่าจะหายในเวลา 09.11 - 09.49 น. เพราะในเวลาสุดท้ายเป็นตอนที่น้องสะดิ้งหันไปหาและไม่เจอน้องชมพู่แล้ว ซึ่งเวลาพวกนี้เป็นสิ่งที่มีโทรศัพท์และโน้ตบุ๊กเป็นหลักฐานชัดเจน และตำรวจก็ได้รวบรวมข้อมูลไปหมดแล้ว ชัดเจนทุกอย่าง
นางสาวิตรี กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนได้สอบถามเรื่องนี้กับน้องสะดิ้ง ลูกสาวก็ยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ได้เดินไปบอกป้าแต๋นเป็นคนแรกว่าน้องชมพู่หาย และตอนที่ป้าแต๋นโทรมาหาตน คือ เวลา 10.02 น. เมื่อน้องสะดิ้งคุยกับป้าแต๋นเสร็จ ก็เดินย้อนกลับเข้าซอยบ้าน พบนางแตงโมนั่งอยู่ที่เปลหน้าบ้าน และน้องสะดิ้งก็บอกป้าแตงโมในตอนนั้นว่าน้องชมพู่หาย ซึ่งตนเชื่อว่าตอนที่น้องสะดิ้งบอกกับป้าแตงโมนั้น จะต้องเป็นเวลาหลัง 10.02 น. แน่นอน
ส่วนกรณีที่มีคนอ้างว่าเห็นน้องสะดิ้งและน้องชมพู่เดินผ่านหน้าบ้านเวลา 07.30 น. นั้น ตนยืนยันว่าในช่วงเวลาดังกล่าว น้องสะดิ้งและน้องชมพู่อยู่ที่บ้านกับตน และยังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย ซึ่งเรื่องนี้ช่างวาก็เป็นพยานได้ เพราะช่างวาอยู่ที่บ้านตนในเวลานั้นด้วย รวมถึงลุงแต เจ้าของร้านชำก็น่าจะเป็นพยานได้ว่าน้องสะดิ้งและน้องชมพู่ไปซื้อของในเวลาไหน ซึ่งตนคิดว่าถ้าใครพูดความจริง ก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ
นางสาวิตรี ยังกล่าวอีกว่า แม้มีบางคนอาจมาตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าพ่อแม่ประมาทจนทำให้ลูกเสียชีวิต อาจจะมีการดำเนินคดีกับพ่อแม่ ซึ่งตนก็เคยกังวลกับเรื่องนี้ แต่ตนอยากชี้แจงว่าสาเหตุที่น้องชมพู่เสียชีวิตนั้นไม่ได้เกิดจากความประมาทของพ่อแม่ เพราะน้องชมพู่ก็อยู่ที่บ้าน และตนก็เชื่อว่าคดีนี้ต้องมีคนร้ายเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งน้องชมพู่ไม่ได้เดินไปเสียชีวิตเอง และตนคิดว่าตำรวจก็เชื่อว่าต้องมีคนร้าย
ขอบคุณคลิปจาก อมรินทร์ทีวี