- 18 ต.ค. 2563
ยอดผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ คนละครึ่ง ไม่คึกคัก วันที่3คนน้อยลง เหลืออีกกว่า4.4ล้านสิทธิ์
การลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่งของประชาชน ที่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา โดยเงื่อนไขของประชาชนที่สามารถร่วมลงทะเบียนได้จะต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งได้รับสิทธิจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ต่อเนื่องทุกวันในช่วงเวลา 06.00 - 23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน ผ่านทางเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
สำหรับวิธีใช้สิทธิ์ คนละครึ่ง ใครที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน รับสิทธิ์ คนละครึ่ง ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง .com สามารถลงทะเบียนได้ ซึ่งล่าสุดนั้น ณ วันที่ 18 ต.ค.63 ตอนนี้เหลือสิทธิ์อยู่ 4.4 ล้านสิทธิ ส่วนใครลงทะเบียนรับสิทธิคนละครึ่งแล้วได้รับเอสเอ็มเอสแล้ว ให้ผู้ที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะเริ่มใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 23.00 น.
โดยต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ตนได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก เช่น ได้รับ SMS ระหว่างวันที่ 16 - 23 ตุลาคม 2563 ต้องใช้สิทธิภายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้น
สำหรับวิธีการใช้จ่ายกับร้านค้า ท่านสามารถเติมเงินโดยการโอนเงินของท่านไปยังแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องโอนครั้งเดียว 3,000 บาท เช่น หากท่านต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาท ท่านต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้า “ถุงเงิน” โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากท่านจะใช้จ่ายค่าสินค้าจำนวน 400 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท และท่านต้องมีเงินใน “เป๋าตัง” เพื่อสแกนจ่ายเงินอีกอย่างน้อย 250 บาท ทั้งนี้ ภาครัฐจะร่วมจ่ายไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านค้าทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 240,000 ร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจโดยเฉพาะหาบเร่ แผงลอย รีบมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง .com หรือสมัครโดยตรง ณ สาขาของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมรองรับการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ถึง31 ธ.ค.63