หญิงวัย 67 ปี พบเส้นเลือดในสมองแตก หลังฉีดแอสตร้าฯเพียงหนึ่งวัน

วันที่ 3 ก.ค. 64 มีรายงานข่าวแจ้งว่า นางยา หญิงวัย 67 ปี ชาว  อ.คุระบุรี จ.พังงา ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่โรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์  เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากพักดูอาการ 30 นาที จึงพากลับบ้านพัก จากนั้นช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 1 ก.ค. 64 ได้เกิดอาการอาเจียนปนเลือด ปวดหัวมาก จึงได้กินยาพาราเซตามอลบรรเทาอาการ จนช่วง 06.00 น. มีอาการเช่นเดิมคือ อาเจียนปนเลือด และปวดหัวหนัก ลูกสาวจึงพาส่งโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ 

 

ต่อมาทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวต่อโรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมสแกนสมองพบว่า ความดันตก เส้นเลือดในสมองแตก จึงได้ประสานทาง โรงพยาบาลวชิระ เพื่อเข้าผ่าตัดสมองแต่อาการไม่ดีทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ปฏิเสธ เนื่องจากหวั่นว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิตระหว่างการนำส่งจึงให้ผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมใส่ท่อช่วยหายใจ โดยทางญาติเชื่อว่าสาเหตุเส้นเลือดในสมองแตกจากผลกระทบของการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้เป็นลูกสาวเล่าทั้งน้ำตาว่า แม่ของตนมีประวัติโรคหอบหืด และ วัณโรค แต่รักษาจนหายมานานประมาณ 1 ปี ปัจจุบันดูแข็งแรง กระทั่งภาครัฐเปิดให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด แม่จึงขอให้ตนพาไปฉีดหวังว่าสามารถป้องกันเชื้อท่ามกลางการคัดค้านของลูกๆ นอกจากนี้แม่ยังให้เหตุผลอีกว่าวัคซีนดังกล่าวอาจจะป้องกันโรคหอบหืดได้อีกด้วย จึงตัดสินใจพาแม่มาฉีดวัคซีน รู้สึกผิด เหมือนพาแม่ไปตาย

ขณะที่ นายแพทย์วุฒิ วิโนทัย รอง ผอ.โรงพยาบาลตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวรุนแรง ความดันลดลงต่ำมาก มีอาการอาเจียนปนเลือด ทางแพทย์ผู้รักษาจึงทำการสแกนสมองด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่า เส้นเลือดในสมองแตก จากประวัติก่อนหน้านี้ ทราบว่า ผู้ป่วยเคยเข้ารับการตรวจ มีความดันสูงเกินเกณฑ์มาตลอด และอาจจะไม่ได้วัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ ซึ่งในช่วงฉีดวัคซีนความดันโลหิตอาจจะไม่เกินเกณฑ์มากนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทราบประวัติเรื่องความดันโลหิต จึงผ่านการคัดกรองเบื้องต้นในจุดฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมเสนอคณะกรรมการวัคซีนเพื่อพิจารณาการรับเงินเยียวยาตามสิทธิ์จาก สปสช. ต่อไป