- 15 ส.ค. 2564
ปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตฯ เตรียม ยื่นอุทธรณ์คำสั่งฟ้อง นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา หลังศาลชั้นต้น ยกฟ้อง ในคดี แต่งตั้ง กก.สอบวินัย มิชอบ
ดูเหมือนว่า คดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว เมื่อมีการรายงานความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้ว่า มีคำพิพากษาคดีที่ นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ยื่นฟ้องนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นจำเลย
นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1
ในกรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดย กรณีกล่าวหา แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษายกฟ้อง
ขณะเดียวกัน นายปรเมษฐ์ ได้เตรียมใช้สิทธิ์ ในการที่จะยื่นอุทธรณ์ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติ ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สิทธิเสรีภาพ ปวงชนชาวไทย ย่อมได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเสมอภาคกัน
ทั้งนี้นอกเหนือจากคดีที่ยกฟ้องแล้ว ยังมีอีกคดี หมายเลขดำที่ อท 93/2564 ที่นายปรเมษฐ์ ยื่นฟ้องประธานศาลฎีกา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ อีก 1 สำนวน
โดยจากกรณีที่ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการมาตรา 45 ในการประชุม (ก.ต.) ห้ามไม่ให้กรรมการผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องพิจารณาเข้าร่วมประชุมและลงมติในเรื่องนั้น เพราะปกติกรรมการผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมต้องรู้ดีว่า ไม่สมควรเข้าไป ประชุม และ ลงมติ ที่เป็นผลร้ายแก่คู่กรณี ที่มีส่วนได้เสีย ในเรื่องนั้น
ซึ่งในการประชุม (ก.ต.) ที่จะมีการแต่งตั้ง ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส ของ นายปรเมษฐ์ จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่อย่างไร เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงไม่ชอบ ซึ่งยังไม่ได้ชี้แจงและนำพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ตาม ภายในระยะเวลาอันสมควรตามประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ข้อ 6 วรรค 1 แล้ววรรค 2 กำหนดว่า การสอบสวนตามวรรค 1 ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ นำพยาน หลักฐาน ในข้อที่เป็นผลร้ายนั้น เข้า สืบแก้ ใน ข้อ ที่เป็นผลร้ายนั้น
นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา
และข้อ 9 เมื่อเสร็จสิ้นการสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นต้นแล้ว คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต้อง แจ้ง ให้ผู้ถูกกล่าวหา ในข้อที่เป็นผลร้ายแล้วให้ ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแล้วนำพยานหลักฐานเข้าสืบแก้ในข้อที่เป็นผลร้าย แต่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดำเนินการสอบสวนไม่ชอบตามกฎหมาย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 สิงหาที่ผ่านมา ได้มีการรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาคดีที่นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 ที่ถูกคำสั่งประธานศาลฎีกาย้ายไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ระหว่างการสอบสวนเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นจำเลย กรณีกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดยศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษายกฟ้องคดีรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว ศาลพิเคราะห์แล้วสรุปได้ว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนโจทก์กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรงของจำเลยตามคำสั่งสำนักงานศาลยุติธรรมที่ 415/2564