บวชหนีคดีทำได้ไหม? ย้อนเวลาไปดู "โจรในคราบนักบวช" จุดจบเป็นยังไง! 

ย้อนดูคดีดัง "โจรในคราบนักบวช" ซึ่งต้องบอกว่าจุดจบของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง มาดูกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง

จุดจบ "โจรในคราบนักบวช"  

เรียกว่การเป็นประเด็นที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างรุนแรง หลังจากที่ทางด้านของ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก พร้อมด้วยบิดา คือ ร.ต.ต. นิคม บัวดก ผบ.หมู่งานจราจร สน.ปทุมวัน เข้าพิธีอุปสมบท ณ พระอุโบสถ วัดปริวาสราชสงคราม เพื่ออุทิศให้กับ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย

โดย นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ในฐานะโฆษก พศ. ได้ออกมาเปิดกับทางช่อง 7ด้วยว่า มื่อพิจารณาตามพระธรรมวินัยแล้ว ต้องถือว่าไม่สามารถเข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเป็นพระได้ เพราะเป็นผู้ต้องคดีอาญาที่ยังไม่สิ้นสุด ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้แจ้งให้เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ เข้าไปทำความเข้าใจกับพระอุปชาแล้ว ส่วนจะต้องสึกหรือไม่สึกนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางวัดอีกที ซึ่งส่งผลให้ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ต้องสึกภายในวันนี้ (25 ม.ค.2565) 

 

บวชหนีคดีทำได้ไหม? ย้อนเวลาไปดู "โจรในคราบนักบวช" จุดจบเป็นยังไง! 

สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวนั้น ทางไทยนิวส์ออนไลน์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติห้ามอุปสมบท ซึ่งตามกฎของ มหาเถรสมาคมได้ตรากฎมหาเถรสมาคมหลายฉบับ ซึ่งรวมทั้ง กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ ในข้อ 14 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 กำหนดว่า พระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้

๑.เป็นคนทำความผิด หลบหนีอาญาแผ่นดิน

๒.เป็นคนหลบหนีราชการ

๓.เป็นคนต้องหาในคดีอาญา

๔.เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ

๕.เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา

๖.เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่นวัณโรคในระยะอันตราย

๗.เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้


ในข้อ 16 ของกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 กำหนดว่า เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์จะรับผู้ใดบวช ต้องมีผู้รับรองและให้ผู้รับรองของผู้นั้น นำผู้จะบวชมามอบตัว พร้อมด้วยใบสมัคร และใบรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบท ซึ่งจะขอได้จากพระอุปัชฌาย์ ก่อนถึงวันบรรพชาอุปสมบทไม้น้อยกว่า 15 วัน

โดยให้เจ้าอาวาสผู้เป็นพระอุปัชฌาย์สอบสวนผู้จะมาบวช ว่าผู้จะมาบวชไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามข้อ 13 และข้อ 14 ดังกล่าว ซึ่งปรากฏตามข้อปฏิญญาในใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบท และสอบถามผู้รับรองตามข้อรับรองผู้จะบรรพชาอุปสมบท จนเป็นที่เข้าใจถูกต้องตรงกันดีแล้ว จึงรับใบสมัครขอบรรพชาอุปสมบท และใบรับรอง แล้วจึงดำเนินการฝึกซ้อมผู้จะบวชต่อไป

ซึ่งในเวลาต่อมานั้น ทางด้านของ นายวิษณุ เครืองาม ได้ให้ความเห็นถึงการบวชของ ส.ต.ต. นรวิชญ์ เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า สามารถบวชได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสึกมา คุณจำไมได้หรือก่อนหน้านี้เคยมีพิธีกร ผู้ประกาศข่าว มีเรื่องขึ้นมาตอนนั้น เขาก็ไปบวช ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้คดีจบก่อนเพราะบวชไม่กี่วันไม่เป็นไร อย่าหนีก็แล้วกัน แม้ว่าจะเป็นการบวชโดยไม่มีกำหนดสึกใช่หรือไม่ แม้ว่าไม่มีกำหนดสึกแต่ก็ต้องสึกอยู่ดี เพราะสามารถจับสึกเมื่อใดก็ได้หากคดีชัดเจน แต่อย่าหนีก็แล้วกัน ความจริงบวชยิ่งหนียาก เพราะที่อยู่ชัดเจน ส่วนการให้การในชั้นศาลก็สามารถไปให้การได้แม้ว่าอยู่ในสมณะเพศ 

โดยต้องบอกว่าการตั้งคำถามของสังคมว่า ถ้าหากมีคดีติดตัวนั้นแล้วไปบวช ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วนั้น สามารถทำได้หรือไม่? แต่ในวันนี้ทางไทยนิวส์ออนไลน์จะพาไปดูจุดจบของคนที่หนีคดีไปบวช หรือเรียกตามประสาชาวบ้านว่า "โจรในคราบนักบวช" ซึ่งต้องบอกว่าจุดจบของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง 

โดยเราจะพาไปเริ่มกันที่คดีของ ตำรวจกองปราบ ตามจับผู้ต้องหาตามหมายจับ "คดีฆ่า" ผู้อื่นฯ ในคราบผ้าเหลือง หลังฆ่าเจ้าของร้านยาดองที่ นครปฐม ก่อนหนีมาบวชที่ บุรีรัมย์ สุดท้ายโดนรวบคาวัด 

ซึ่งผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธมีดแทงนายกริสเรศ ศรีบัวแดง บริเวณซุ้มขายยาดองตรงข้ามตลาดนัดธันยา หมู่ที่2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นเจ้าของร้านยาดอง จนเสียชีวิตสาเหตุเกิดการโต้เถียงกันเรื่องที่ผู้ตายไม่ยอมไปช่วยดูแลกิจการร้านขายยาดอง อีกสาขาหนึ่งซึ่งคนตายและแฟนสาวของผู้ต้องหาเป็นหุ้นส่วนกัน ทำให้กิจการยาดอง ขายไม่ดี 

โดย จุดจบ ของนายสุรพล เล่าว่าตนเองบวชมา8 ปี ไม่คิดว่าตำรวจจะมาตามเจอ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวพระสุรพล สึกออกจากการเป็นพระ ก่อนส่งตัวให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

บวชหนีคดีทำได้ไหม? ย้อนเวลาไปดู \"โจรในคราบนักบวช\" จุดจบเป็นยังไง! 

ไปต่อกันที่คดีที่สอง    บวชหนีบาป จนท. เข้าจับกุม “นายพนม” หรือ “พระภิกษุพนม” อายุ 48 ปี ตามหมายจับเมื่อปี 2553 หลังเจ้าตัวมาบวชหลบหนีคดีอยู่กว่า 10 ปี ในข้อหา“กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

โดยหากดราย้อนไป เมื่อปี 2553 นายพนมอยู่ที่ จ. สุพรรณบุรี และได้คบหากับ ด.ญ.เจ อายุ 13 ปี ผู้ใหญ่เห็นก็ไม่อยากขัดใจ ให้มาสู่ขอกันตามประเพณี เมื่อสู่ขอแล้วจึงย้ายไปอยู่กันฉันท์สามีภรรยา ที่ จ.ราชบุรี แต่หลังจากนั้นไม่ถึงปี นายพนมเกิดความเบื่อ จึงขับไล่ ด.ญ.เจ ออกจากบ้าน กลายเป็นเด็กเร่ร่อนสุดท้ายมีคนนำตัว ด.ญ.เจ กลับไปส่งบ้าน ทางบ้านจึงแจ้งความกับตร. ส่วนนายพนมหลังหนีคดีมากว่า 10 ปีและถูกจับกุม ได้บอกว่า“เมื่อรู้ว่าถูกแจ้งความ ก็มาบวช เพราะรู้สึกผิดที่ทิ้งเมียเด็ก” “หวังว่าจะช่วยลดบาปกรรมที่ก่อไว้”

บวชหนีคดีทำได้ไหม? ย้อนเวลาไปดู "โจรในคราบนักบวช" จุดจบเป็นยังไง! 

ไปต่อกันที่คดีที่สาม ผู้ต้องหาบวชหนีคดีมาเกือบ 10 ปี  ก็ยังไม่รอดสายตา ตามจับได้...ไม่สาย แม้ย้ายจำพรรษาอยู่หลายวัด แต่มีโทษคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง รีบรุดนำกำลังเข้าตรวจสอบที่ วัดศรีสุวรรณรัตนาราม ต.ตรำดม อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ พบ พระสุลี อภินนโท กำลังนั่งอยู่บนกุฎิ ซึ่งปลูกอยู่บริเวณข้างโบสถ์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับ

จากการสอบถาม พระสุลี ยอมรับว่า ตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและยังไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงได้นิมนต์พระสุลี บุคคลตามหมายจับ มาให้เจ้าคณะตำบลทำการลาสิกขาให้ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นนานแล้วสมัยที่ตนทำงานก่อสร้างอยู่ จ.สมุทรสาคร หลังเกิดเหตุ ตนก็หลบหนีมาบวชเป็นพระอยู่ที่ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ โดยไปจำพรรษาอยู่ตามวัดต่างๆ ทั้งในพื้นที่ อ.สังขะ และ อ. ลำดวน จนล่าสุดได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศรีสุวรรณรัตนาราม และมาถูกจับในที่สุด เมื่อมีหมายจับมาจากทางราชการตนก็ยินดีลาสิกขา และให้จับกุมแต่โดยดี 

บวชหนีคดีทำได้ไหม? ย้อนเวลาไปดู "โจรในคราบนักบวช" จุดจบเป็นยังไง! 

โดยต้องบอกว่ามีเป็ยเพียงบางส่วนเท่านั้นของคนที่หนีคดีมาบวช ซึ่งบางรายก็เป็นคดีร้ายแรง ส่วนบางรายก็เป็นเพียงการหนีเอาตัวรอดซึ่งจุดจบก็ไม่พ้นกรรมถูกจับคาผ้าเหลืองไปในที่สุด ซึ่งในวันนี้ (25 มกราคม 2565) จุดจบของ  พระนรวิชญ์ ซึ่งเตรียมจะสึกภายในวันนี้ หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการบวช เนื่องจากเจ้าตัวยังมีคดีอยู่ โดยล่าสุด พระนรวิชญ์ และพระนิคม ขอสึกพรุ่งนี้ วันนี้ขอไปร่วมงานศพ หมอกระต่ายเป็นคืนสุดท้าย