- 19 ธ.ค. 2565
เปิดวินาทีเรือหลวงสุโขทัยก่อนอับปาง จมลงใต้ทะเล ปิดตำนานเรือรบสมรรถนะสูง เรือชั้นคอร์เวต หมายเลข 442 คาดอุปกรณ์ข้างในเรือเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่า
กรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง หลังจากประสบอุบัติเหตุกลางทะเลประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้ กองทัพเรือกำลังปูพรมค้นหา กำลังพลเรือหลวงสุโขทัยอีก 31 นายลอยคอกลางทะเลอ่าวไทย พลัดหลงจากกระแสคลื่นลมแรงในทะเลระหว่างการช่วยเหลือ โดยได้มีการเปิดภาพเรือหลวงสุโขทัย (FSG-442) ก่อนอับปางจมดิ่งลงก้นทะเล ซึ่งจากคลื่นลมแรงในอ่าวไทยทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงเเละจมลง
โดยทางเพจ ThaiArmedForce.com ได้เปิดภาพเรือหลวงสุโขทัยขณะกำลังจมลงสู่ก้นทะเล พร้อมข้อความว่า ล่าสุดน่าจะค่อนข้างชัดเจนว่าเรือแทบจะเรียกได้ว่าจมลงแล้ว และถึงกู้ขึ้นมาได้ อุปกรณ์ข้างในก็น่าจะเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้อย่างคุ้มค่า น่าจะถือได้ว่าปิดตำนาน เรือหลวงสุโขทัย อย่างน่าเสียดายครับ ซึ่งเมื่อเวลา 23.30 น. ของวันที่ 18ธ.ค.65 เรือหลวงสุโขทัยได้จมลงใต้ผิวน้ำแล้ว เนื่องจากมีน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดในวันที่ 19ธ.ค.65 พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุน้ำเข้าเรือจนเกิดการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง ขณะทำการลาดตระเวน อยู่บริเวณแบริ่ง 090 ระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรืออำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
แต่เนื่องจากขณะนั้นบริเวณดังกล่าวมีคลื่นลมแรง ทำให้เรือเอียงจนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ ส่งผลให้เครื่องไฟฟ้าดับส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน ซึ่งผลจากเครื่องจักรใหญ่และเครื่องจักรช่วยหยุดทำงานดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ และส่งผลให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียง
ในเวลาต่อมา กองทัพเรือได้สั่งการให้เรือรบและอากาศยานของกองทัพเรือ ประกอบด้วย เรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือหลวงกระบุรี เฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 เครื่อง พร้อมชุดป้องกันความเสียหายและกู้ภัยเรือ เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน นอกจากนี้ได้ประสานหน่วยภายนอกเข้าร่วมให้การช่วยเหลือ โดย เรือหลวงกระบุรี ได้เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลา 20.40 น. และพยายามเข้าเทียบเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และช่วยเหลือกำลังพลจำนวน 106 นาย แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากคลื่นลมยังคงรุนแรง
ต่อมาเรือหลวงสุโขทัย มีอาการเอียงมากขึ้นและได้จมลงเมื่อเวลา 00.12 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มีเรือลากจูงเอกชนจากท่าเรือบางสะพานจำนวน 2 ลำ และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ซึ่งเรือหลวงกระบุรี เรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” และเรือลากจูงทั้ง 2 ลำ ได้ดำเนินการช่วยเหลือกำลังพล และต่อมาเวลา 01.04 น. เฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks จำนวน 2 ลำ ได้เดินทางมาถึง
พร้อมทั้งทำการปล่อยแพช่วยเหลือลงทะเล จำนวน 8 แพ ทั้งนี้เรือต่าง ๆ สามารถให้การช่วยเหลือกำลังพลขึ้นมาจากน้ำได้แล้ว 73 นาย โดยอยู่บนเรือหลวงกระบุรี จำนวน 47 นาย เรือลากจูง จำนวน 4 นาย เรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย และเรือน้ำมัน “STRAITS ENERGY” จำนวน 2 นาย ยังคงมีกำลังพลจำนวน 33 นายที่ลอยคออยู่ในทะเล ซึ่งเรือทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี เรือลากจูง และเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” ได้นำกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว 71 นาย เดินทางไปยังท่าเรือบางสะพานเรียบร้อยแล้ว โดยมีกำลังพลจำนวน 11 นาย รักษา ณ โรงพยาบาลบางสะพาน ส่วนกำลังพล จำนวน 40 นาย เดินทางไปยังศูนย์พักพิง สำหรับกำลังพลที่ขึ้นมาจากเรือน้ำมัน “ศรีไชยา” จำนวน 20 นาย ได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลบางสะพาน เพื่อตรวจร่างกายและคัดแยกต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. เรือหลวงกระบุรีได้ออกเรือเดินทางจากท่าเรือบางสะพานไปยังพื้นที่เกิดเหตุเพื่อสนับสนุนการค้นหาและช่วยเหลือ ร่วมกับเรือหลวงอ่างทอง รวมถึงอากาศยานแบบ Dornier และเฮลิปคอปเตอร์แบบ Seahawks ที่กำลังเร่งดำเนินการค้นหา กำลังพลทั้งหมดและเตรียมการในการกู้เรือหลวงสุโขทัยต่อไป
กองทัพเรือ โดย กองเรือยุทธการ ได้ตั้ง ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ขึ้นมาทำหน้าที่ในการประสานการปฏิบัติ เพื่อเร่งดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือกำลังพลและกู้ภัยเรือหลวงสุโขทัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ ทั้งนี้ญาติพี่น้องของกำลังพลประจำเรือ สามารถติดสอบถามได้ที่ ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยหมายเลขโทรศัพท์ 038 182 435 และ 084 002 3554 โดยล่าสุดมียอดกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว จำนวน 75 นาย
สำหรับ เรือหลวงสุโขทัย เป็นเรือชั้นคอร์เวต หมายเลข 442 สังกัดหมวดเรือที่ 1 กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ ประจำการเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2530 สร้างโดยบริษัท ทาโคมา โบ๊ตบิลดิ้ง ที่เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริก
า
"เรือหลวงสุโขทัย" เป็นเรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ 2 ลำ โดยเป็นเรือชุดเดียวกับ "เรือหลวงรัตนโกสินทร์" หมายเลข 441
ภารกิจหลัก เรือหลวงสุโขทัย คือ การปราบเรือดำน้ำ การลาดตระเวนตรวจการณ์ การคุ้มกันกระบวนเรือ การสนับสนุนการยิงฝั่ง โดยภารกิจรองคือการสนับสนุนภารกิจกองทัพเรือ ทั้งนี้เรือหลวงสุโขทัยเรือรบสมรรถนะสูง ได้รับการติดตั้งระบบอาวุโยุทโธปกรณ์ และระบบอำนวยการรบได้ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การป้องกันภัยทางอากาศ สงครามผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำ
เรือหลวงสุโขทัย
- ระวางขับน้ำปกติ 840 ตัน เต็มที่ 960 ตัน
- กว้าง 9.6 เมตร ยาว 76.8 เมตร สูง 26.82 เมตร
- โดมโซนาร์ 4.5 เมตร
- ใช้เครื่องจักรใหญ่ดีเซลจำนวน 2 เครื่อง กำลัง 7,268 แรงม้า
- เครื่องไฟฟ้าจำนวน 4 เครื่อง
- ความเร็วมัธยัสถ์ 18 นอต สูงสุด 24 นอต
- ระยะปฏิบัติการสูงสุด 3,568 ไมล์ทะเล
ยุทโธปกรณ์เรือหลวงสุโขทัย
- ปืน 76/62 มม. จำนวน 1 กระบอก
- ปีน 40L70 มม. แท่นคู่ 1 กระบอก
- ปืน 20 มม. 2 กระบอก
- ระบบอาวุธปราบเรือดำน้ำ "เรือหลวงสุโขทัย" ประกอบด้วย
- ท่อยิงตอร์ปิโด 2 แท่น MK 32 MOD5 (6 ท่อยิง)
- ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี "เรือหลวงสุโขทัย" ประกอบด้วย
- ระบบอาวุธปล่อยนำวิถิ่ พื้น-สู่-พื้น แบบ HARPOON BLOCK 1C จำนวน 2 แท่น (8 ท่อยิง)
- ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ แบบ ALBATROS จำนวน 1 แท่น (8 ท่อยิง ASPIDE 2000)
- ระบบ SONAR : DSQS 21 C MOD
- ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ : ESM Harris Excellis 3601
- ระบบต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถี : DAGAIE EW/IR
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม THAINEWS