ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก "ทนายสีเทา" ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

เมื่อ 27 มีนาคม 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ฟาดทนายตั้มอีกดอก ลั่น ทนายสีเทา เก็บค่าแถลงข่าว หลอกใช้สื่ออย่างแนบเนียน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความฟาดทนายตั้มอีกครั้งบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ฟาดวีรกรรมต่างๆทั้งเก็บค่าแถลงข่าว และการช่วยผู้ต้องหายาเสพติดหนีคดี ลั่น ขึ้นโรงขึ้นศาลมาก็มากแต่ทนายความแบบนี้เพิ่งเคยเจอ ลั่นควรเป็น "กรณีศึกษา" สมาคมสื่อ และสภาทนายความ ต้องปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของอาชีพ

"ทนายสีเทา"

หากคนไม่มีทุกข์ ไม่เดือดร้อน ไม่มีใครไปหาทนาย มันไม่ได้หมายความว่า "ผู้บริสุทธิ์" จะเป็นผู้ชนะคดีเสมอ ทนายเป็นตัวแปรสำคัญในการนำเสนอต่อศาล มีทั้งทนายถูกฝั่งตรงข้ามซื้อตัว หรือเป็นทนายเก่งวิ่งความ แต่ว่าความไม่เป็นสับปะรด

 

ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก ทนายสีเทา ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

 

ทนายที่ดีได้รับเงินค่าว่าจ้างในการว่าความให้ลูกความ มากน้อยแล้วแต่มาตรฐานของทนาย และลูกความ แต่ละคดีมีความยากง่ายต่างกัน ค่าทนายก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับคุณธรรมของทนายเป็นสำคัญ ทนายบางคนไม่ได้เงิน หรือได้เงินน้อย แต่ทำเพราะอยากช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยแล้วมีคดีถูกฉ้อโกง อย่างนี้จึงเรียกว่า "ทนายประชาชน" แต่การอาศัยสถานะทนาย แล้วไปเก็บเงิน "ค่าแถลงข่าว" นี่เป็นครั้งแรกที่เจอในชีวิตผมตั้งแต่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลมานับครั้งไม่ถ้วนทนายตั้มเป็นคนแรกที่เคยพบ

 

ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก ทนายสีเทา ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

 

ผมเป็นคนสีเทา เรื่องที่เอามาตีแผ่มาจากแหล่งข่าวเทาๆ ของผม จะไปบอกใครให้รู้ก็ไม่ได้ มันผิดวิสัย "จริยเทา" ของผมเป็นอย่างมาก หากเป็นโจรก็มี "จิตใต้สำนึก" ได้เหมือนกัน ไม่ใช่มีเฉพาะในคนดี เพียงแต่จิตใต้สำนึกของโจรมันต่างกัน มันออกจะดิบกร้าน แต่ชัดเจนตรงไปตรงมาเพราะไม่ต้องอ้างเอาธรรมะมาปกป้อง

การที่ทนายตั้มอาศัย "ลูกความ" ไปใช้ในการแถลงข่าว แทนการใช้กระบวนการยุติธรรม จึงไม่ใช่วิธีการของคนมีจรรยาบรรณวิชาชีพที่ใช้เป็นสัมมาอาชีพเลี้ยงตนเอง และครอบครัวอย่างทนายทั่วไป

ผมรวยจากธุรกิจอาบอบนวด คราบน้ำกาม ก็ไม่ได้ปฎิเสธ รับกันตรงๆ แต่ไม่เคยไปโกงใคร บังคับให้ใครมาทำงานหรือมาเที่ยว ทุกคนล้วนเต็มใจทั้งนั้น แต่การใช้ "สื่อ" เป็นเครื่องมือ ให้มาฟังเรื่องราวซึ่งไม่รู้จริงหรือเท็จ เพื่ออาศัยสื่อไปเผยแพร่ในเรื่องที่ตัวเองได้ประโยชน์ส่วนตัว อย่างนี้ผิดวิสัย สื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอาวุโส แต่ขึ้นอยู่กับสำนึกว่า สิ่งที่นำเสนอให้สังคมรับรู้มีประโยชน์ใด

 

ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก ทนายสีเทา ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

 

หากเป็นตลกก็สื่อความบันเทิงหัวร่องอหาย ไม่ผิด แต่ทนายที่ใช้สื่อเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอย่างแยบยล เท่ากับสื่อก็โดนหลอกใช้ 

อันนี้เป็น "กรณีศึกษา" สมาคมสื่อ และสภาทนายความ ต้องปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของอาชีพ ไม่ให้เหลือบริ้นไรมาแอบแฝงหากิน พอจับได้ไล่ทันว่า "ค่าแถลงข่าว" 300,000 บาท เสนอด้วยสำนักงานกฎหมายของตัวเอง ก็มาปัดพัลวันว่า แค่ 2-3 ครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่การกระทำแบบนี้ สังคม และสื่อยอมรับได้หรือไม่? 

 

ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก ทนายสีเทา ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

 

หากมีคนขายยาเสพติดไปจ้างทนายตั้มว่าความ แล้วทนายตั้มนำคนขายยาเสพติดไปแถลงข่าวคิดเงิน ก็ย่อมทำได้ แต่สื่อจะกลายเป็นเครื่องมือ แล้วผู้ต้องหาก็หนีไปต่างประเทศเสียด้วย เช่น กรณีดาราสาวเอมี่ ที่แถลงแล้วหนีไปต่างประเทศ ผมไม่โทษผู้ต้องหา คนทำผิดต้องคิดหนี แต่คนช่วยบังให้นี่สิ น่าคิดว่ายิ่งทำยิ่งรวย ไม่ได้มาจากค่าว่าความ แต่มาจากการสนับสนุนให้หนีความหรือเปล่า?

การใช้วิชาชีพที่ผิดจากเจตนารมย์ ทั้งสื่อ ทั้งทนาย ย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง สังคมลองตรองดูเอาเอง ทนายตั้มอย่าไปอาศัยคราบคนดีอ้างในเพจว่า เป็น "เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน" ชาวบ้านมีคดีหวังหนีร้อนมาพึ่งทนายประชาชน กลับถูกเรียกเอาค่าคุยหารือระยะเวลาสั้นๆ

พอเห็นว่าลูกความมีสะตุ้งสตางค์ ก็ชวนไปแถลงข่าว เสียเงิน 300,000 บาท สังคมได้สิ่งที่ไร้สาระจากสื่อ ทนายตั้มได้เงิน และผมก็ต้องทนเขียนเรื่องไร้สาระถึงคุณ สู้ให้ผมไปทำงานของผม ต่อต้านกัญชาของพรรคบ้ากัญชา เขากระโดง ซุกหุ้น ซุกที่ และทุจริตคอรัปชั่นอีกมากดีกว่า

เมื่อสังคมวิปริตต้องเลือกเอาเองแล้วครับว่าจะใช้คนอย่างผมหรือไม่ เพราะเวลาตาย ผมยอมตายเดี่ยว เมื่อมาคนเดียวก็ไปคนเดียว

 

ชูวิทย์ ฟาดจุกอีกดอก ทนายสีเทา ร่ายวีรกรรมทนายตั้ม ลั่น แบบนี้เพิ่งเคยเจอ

 

จากนั้นโพสต์ต่อในคอมเมนต์ว่า "ทนายอนันต์ชัย วันนี้แกก็แถลงข่าวให้ผม แต่ไม่ได้คิดเงินผมนะครับเพราะแกไม่กลัวถูกฟ้อง เป็นสิ่งที่ทนายต้องปกป้องลูกความอยู่แล้ว เรียกว่า "จรรยาบรรณวิชาชีพทนายความ""

 

ขอบคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์