- 06 ก.ค. 2566
"เจ๊กบ" เจ้าของโรงงานน้ำปลาร้าแฉสัญญา "พิมรี่พาย" ถึงกับลั่น สัญญาทาส บังคับเยอะมีแต่ค่าปรับ ลั่น ขนาดนี้ยึดโรงงานตนไปเถอะ
จากกรณีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 เจ๊กบ เจ้าของโรงงานน้ำปลาร้าที่มีประเด็นกับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง "พิมรี่พาย" หลังจากเจ๊กบออกมาร้องเรียนพิมรี่พาย เบี้ยวสัญญาผลิตน้ำปลาร้าหลังจ้างผลิตเป็นล้านขวด แต่สุดท้ายรับไปแค่ 30,000 ขวดและยังไม่จ่ายเงินทั้งๆที่ต้องลงทุนทำโรงงานใหม่ ซื้อรถบรรทุกใหม่เพื่อรองรับงานของพิมรี่พายโดยเฉพาะ ก่อนที่พิมรี่พายจะออกมาโต้กลับบอกว่าโรงงานเจ๊กบไม่ได้มาตรฐานจึงตัดสินใจไม่รับของ
เจ๊กบ แฉในรายการโหนกระแสถึง "สัญญาทาส" ที่พิมรี่พายจะให้เซ็นหลังรับงานผลิตน้ำปลาร้าให้และอยู่ในขั้นตอนสร้างโรงงานใหม่ จู่ๆมีสัญญาให้เซ็น 16 ฉบับ อ่านข้อตกลงแล้วไม่กล้าเซ็น ยังคิดว่าปรับกันขนาดนี้ยึดโรงงานไปเถอะ
เจ๊กบบอกว่า เมื่อพิมรี่พายอยากได้ของล็อตใหญ่มาตรฐาน คุณกบเลยลงมาเจอพิมรี่พายที่ กทม. และไปเจอกันที่ร้านกาแฟ สุดท้ายพิมรี่พายไปเจอกันที่โรงงานที่ขอนแก่น เมื่อเข้าโรงงานของเจ๊กบ พิมรี่พายบอกว่าจะมีการทำโปรโมชั่นเปิดฝาน้ำปลาร้า ต้องการให้มีการผลิตน้ำปลาร้า 10 ล้านขวดขอกำลังการผลิต 5 แสนขวดต่อวัน เจ๊กบเลยบอกว่า ไม่มีโรงงานไหนทำได้ โรงงานตนมีมาตรฐานสูงที่สุดในประเทศ พิมรี่พายขอซื้อโรงงานนี้ แต่เจ๊กบขายไม่ได้เพราะเป็นของตระกูล และเจ๊กบต้องแคร์แบรนด์เล็กที่ผลิตกับทางเจ๊กบด้วย
โรงงานตนเกิดได้เพราะแบรนด์เล็ก เจ๊กบเลยบอกพิมรี่พายว่า จะเอาที่มาสร้างโรงงานใหม่ ผลิตน้ำปลาร้าให้พิมรี่พายโดยเฉพาะ
ซึ่งในระหว่างที่สร้างโรงงาน ขึ้นเสาเอก เสาโท เจ๊กบก็รายงานความคืบหน้าให้ตลอด จากเดิมเสนอขอทั้งหมด 10 ล้านขวด ก่อนลดมาคนละ 3 ล้านแบ่งระหว่างเจ๊กบและเจ๊ต่าย เมื่อทำไม่ได้จึงขอลดออเดอร์ลง
เจ๊กบผลิตได้แค่ 1 ล้านขวด เจ๊ต่ายผลิตได้ 7 แสนขวด เราขอส่งวันละ 5 หมื่นขวด แต่พอจะเริ่มผลิตมีการส่งสัญญามาให้เซ็น 16 ฉบับ กลับพบว่า "มันเป็นสัญญาทาส ทำโน่นทำนี่ไม่ได้คือปรับ เช่น ถ้าส่งของไม่ทันปรับ 75% จนรู้สึกว่า ถ้าจะปรับกันขนาดนี้ ยึดโรงงานตนไปเลย" ทำให้ทางเจ๊กบและเจ๊ต่ายไม่กล้าเซ็นสัญญาด้วย
ด้านเจ๊ต่ายเผยด้วยว่าในการรับงานผลิตนี้มีใบสั่งจ้างจริง โดยตกลงว่าจะผลิตน้ำปลาร้าให้วันละ 100,000 ขวด แต่ในตอนแรกขอ 50,000 เพราะกลัวจะทำได้ไม่ทัน แต่สิ่งที่ไม่โอเคในสัญญาคือมีข้อหนึ่งที่ระบุว่า "ต้องส่งสินค้าให้ครบวันละ 100,000 ขวด หากทำไมไม่ได้จะปรับเงิน 75%" ซึ่งข้อนี้เจ๊ต่ายอ่านแล้วติดใจและบอกเจ๊กบว่าอย่าเซ็น เพราะในความเป็นจริงมันอาจจะไม่สามารถส่งได้ตามสัญญา บางวันอาจมีอุบัติเหตุหรือเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นเช่นเครื่องจักรพัง ไฟดับ หรือปัญหาอะไรก็แล้วแต่ที่อาจจะทำให้ส่งสินค้าตามจำนวนไม่ได้
ส่วนราคาที่เสนอซื้อคือ ต้นทุนขวดละ 12.80 สตางค์ (โรงงานเจ๊ต่าย) และ 13 บาท (โรงงานเจ๊กบ) ผลคือคุณกบจะได้ 13 ล้านบาท คุณต่ายจะได้ 9 ล้านบาทกว่า เมื่อเจ๊ต่ายทักหา กลับพยายามบอกว่าเคลียร์โกดัง ทักนาน ๆ ไปไม่ตอบ
แลเมื่อถามเจ๊กบและเจ๊ต่ายว่าที่ออกมานี้อยากได้อะไร เจ๊กบบอกว่า ตนไม่เคยคิดที่จะฟ้อง แต่บอกว่าสินค้าเจ๊กบไม่มีมาตรฐาน มันไม่ใช่ ตนอยากเรียกร้องความเป็นธรรม และให้พิมรี่พายชดใช้ ทั้งค่าสินค้า 1 ล้านขวด 13 ล้านบาท ค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าอุปกรณ์ ค่ารถที่ออกมาเพื่อวิ่งน้ำปลาร้าให้พิมรี่พายโดนเฉพาะ โดยค่าโรงงาน+รถ 7 ล้าน รวมทั้งหมด 20 ล้านบาท