อาจารย์ ม.แม่โจ้ เสนอใช้ไซยาไนด์ ปราบ"ปลาหมอคางดำ" โหดร้ายแต่ได้ผล

อาจารย์ ม.แม่โจ้ เสนอแนวคิด ใช้ไซยาไนด์ปราบปลาหมอคางดำ ไม่ต้องห่วงสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำ วิธีอื่นๆที่ใช้ตอนนี้ อาจไม่ทันการณ์เพราะปลาหมอคางดำเกิดง่ายตายยาก


ปัญหา ปลาหมอคางดำ ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย ผลกระทบเป็นวงกว้างต่อทั้งเกษตรกรชาวประมงและระบบนิเวศแหล่งน้ำในกว่า 16 จังหวัด  ซึ่งทาง กรมประมง ได้ออกมาตรการสำคัญ 5 ข้อ เพื่อแก้ไขปัญหา ปลาหมอคางดำ โดยหนึ่งในนั้นคือ การปล่อยปลาผู้ล่า เป็น ปลาไทย ไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการนี้จะดำเนินการต่อจากการใช้เครื่องมือประมงกำจัดปลาหมอคางดำร่วมกับชุมชนและหน่วยงานหลายภาคส่วน หลังจากที่ปลาหมอคางดำขนาดใหญ่ถูกจับและลดจำนวนลง ปลาผู้ล่าที่ปล่อยนั้นจะไปกำจัดประชากรปลาหมอคางดำขนาดเล็ก ช่วยควบคุมวงจรการแพร่พันธุ์ของปลาในระยะต่อไป

และล่าสุด 26 ก.ค.67 ทางนักวิชาการประมง รศ.ดร.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ อาจารย์คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ออกมาเสนอแนวคิดว่ามาตรการที่นำมาใช้กำจัด ไม่ว่าจะเป็นการส่งนากและปลานักล่าไปจัดการ จับมาทำเมนูอาหาร แปรรูปเป็นอาหารสัตว์ หรือ ทำน้ำหมักชีวภาพ อาจไม่ทันการณ์ เนื่องจากปลาหมอคางดำเกิดง่ายตายยาก และ ยังอึดทนปรับสภาพอยู่ได้ในทุกสภาพน้ำ ทั้ง น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำเน่า ทำให้แพร่พันธุ์ได้เร็วเหมือนกองทัพปีศาจที่คืบคลานแบบไม่มีที่สิ้นสุด

อาจารย์ ม.แม่โจ้ เสนอใช้ไซยาไนด์ ปราบ\"ปลาหมอคางดำ\" โหดร้ายแต่ได้ผล

หากสถานการณ์เกินเยียวยา การใช้ "ไซยาไนด์"ปราบปลาหมอคางดำ อาจเป็นมาตรการสุดท้ายที่จำเป็นต้องนำมาใช้ในการกำจัดปลาหมอคางดำ วิธีนี้อาจดูโหดร้ายแต่เด็ดขาดและสามารถทำได้จริง แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข เช่น ต้องเป็นพื้นที่ที่ระบาดหนัก มีการบล็อกพื้นที่ต้นน้ำปลายน้ำ และต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขควบคุมเฉพาะ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม วิธีนี้อาจต้องยอมแลกกับปลาไทยที่จะตายไปพร้อมกัน แต่ไม่น่าห่วงเพราะสามารถฟื้นฟูเติมปลาไทยลงไปใหม่ได้ไม่ยาก

อาจารย์ ม.แม่โจ้ เสนอใช้ไซยาไนด์ ปราบ\"ปลาหมอคางดำ\" โหดร้ายแต่ได้ผล
 

อาจารย์ ม.แม่โจ้ เสนอใช้ไซยาไนด์ ปราบ\"ปลาหมอคางดำ\" โหดร้ายแต่ได้ผล

สำหรับข้อกังวลในเรื่องของสารเคมีปนเปื้อนในแหล่งน้ำต่างๆนั้น  ไม่น่าห่ว งเพราะโครงสร้างทางเคมีของไซยาไนด์เป็นประจุลบและ พบได้ตามธรรมชาติอยู่แล้วและจะไม่มีการตกค้าง เพียงแต่จะต้องมีการศึกษาเรื่องปริมาณที่เหมาะสมกับพื้นที่แหล่งน้ำที่จะดำเนินการและระยะเวลาปลอดภัยที่จะกลับเข้าไปฟื้นฟูปลาไทยครั้งใหม่ นี่เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะลดความเสียหายให้กับภาคการเกษตร ภาคเศรษฐกิจ ระบบนิเวศและทรัพยากรแหล่งน้ำได้อย่างเห็นผล