- 02 ส.ค. 2567
ร้านหม่าล่ายืนยันไม่ใจอ่อนเด็ดขาด ฟ้องลูกค้ารีวิวร้านเสียหายโดยไม่เป็นความจริงถึงที่สุด ยอมรับหลังรีวิววันแรกยอดขายลดฮวบ
จากกรณีดราม่าลูกค้าประจานร้านหม่าล่า ก่อนเจ้าของร้านงัดหลักฐานออกมาโต้กลับและตัดสินใจฟ้องร้องเนื่องจากรีวิวร้านหม่าล่าไม่ตรงความเป็นจริงทำให้ร้านเสียหาย ต่อจากนั้นลูกค้ารายนี้ได้ทักมาขอโทษเจ้าของร้านถึงขั้นขอกราบเท้าแลกการไม่เอาผิด ล่าสุด เจ้าของร้านหม่าล่าเคลื่อนไหว บอกว่าจะโพสต์เป็นครั้งสุดท้าย ยืนยันว่าจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด
อ่านข่าว : ร้านหม่าล่าคนจริง จัดหนักลูกค้าปากแจ๋ว งานนี้เข็ดขอกราบเท้า
ล่าสุดวันที่ 2 สิงหาคม 2567 บนเฟซบุ๊กเจ้าของร้านหม่าล่า ได้โพสต์ความคืบหน้าและคำยืนยันว่าจะไม่ยอมความเด็ดขาด เอาผิดลูกค้ารายนี้อย่างถึงที่สุด ระบุ
โพสต์นี้จะเป็นโพสต์สุดท้ายเพื่อเคลียร์ประเด็นที่สังคมอาจจะกำลังสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ
1. คู่กรณียังเด็กขาดการยั้งคิด เจ้าของร้านใจดำถึงกับจะตัดอนาคตเด็กนึงเลยเหรอ ?
"คู่กรณีอายุ 26 ปี" ซึ่งหมายความว่าบุคคลนี้พ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะแล้ว หากมองว่าทางร้านใจดำถึงกับจะตัดอนาคตเด็กคนนึง ทางร้านก็ต้องขอพื้นที่ส่วนตัวแสดงเจตนารมณ์ตรงนี้เลยว่า ตั้งแต่ตัวเจ้าของร้านเองเกิดมาจนอายุ 30 ปี ไม่เคยมีแม้แต่ความคิดที่จะไปทำลายชีวิตของใครเลย ที่ผ่านมาทางร้านดำเนินกิจการมาด้วยดีตลอดมา อาจจะมีคอมเพลนเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการบริการ ทางร้านก็ยินดีรับฟังและนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นมาโดยตลอด
ผลกระทบที่ร้านได้รับในวันแรกหลังโพสต์นั้นเผยแพร่ออกไป ขอชี้แจงตามความเป็นจริงว่ายอดขายตกลงไปครึ่งต่อครึ่ง บางท่านที่คิดต่างลองนึกภาพตามนะคะ ถ้าท่านเปิดร้านอาหารประกอบกิจการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจต่อลูกค้า และไม่เบียดเบียนใคร อยู่ ๆ วันนึงมีลูกค้าเข้าใช้บริการและโพสต์ประจานในสิ่งที่ร้านของท่านไม่ได้กระทำการตามที่ลูกค้ากล่าวอ้าง "ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร" ?
หรือหากท่านยังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ไม่อยากถือโทษโกรธลูกค้าท่านนั้น มองว่าลูกค้าอาจจะทำไปด้วยความโมโห ต่างมุมมองต่างความคิดจุดนี้ก็สุดแล้วแต่ท่านพิจารณาเลยค่ะ จะตราหน้าว่าทางเราใจดำก็สุดแล้วแต่ท่านจะตัดสินเลยนะคะ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันส่งผลกระทบต่อทางร้านซึ่งไม่สามารถประเมินความเสียหายเป็นมูลค่าได้ นอกจากจะเกิดการเสียชื่อเสียงแล้วยังเกิดการเสียสุขภาพจิตของคนเป็นเจ้าของร้านอีกด้วยค่ะ
2. ทางร้านยังยืนยันที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายเอาผิดกับเจ้าของโพสต์เหมือนเดิมค่ะ และจะไม่มีวันใจอ่อนเด็ดขาด (ถึงแม้ว่าจะมีบางอารมณ์ที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาก็ตาม) ตอนนี้ทางร้านได้แต่งตั้งทนายและรวบรวมเอกสารซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญส่งมอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดีแล้วนะคะ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทุกท่านที่ติดตามทราบอีกครั้งค่ะ
เคสนี้จะจบลงอย่างไรทางร้านไม่อาจทราบได้ แต่ก็ยังยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ไม่มีเจตนาที่จะฟ้องร้องให้ลูกค้าถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างมันมีราคาที่ต้องจ่าย และลูกค้าต้องออกมารับผิดชอบกับการกระทำของลูกค้าด้วยค่ะ
3. หลายท่านส่งกำลังใจและแนะนำมาในช่องทางต่าง ๆ ทางร้านรู้สึกยินดีและขอขอบพระคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ในส่วนที่จะต้องปรับปรุงทางร้านได้รับทราบถึงปัญหาเบื้องต้นที่อาจส่งผลกระทบต่อทางร้านหากไม่ได้รีบรับการปรับปรุงแก้ไข หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นทางร้านได้คุยกับผู้จัดการเป็นการส่วนตัวแล้ว ตอนนี้ผู้จัดการได้ทราบแล้วกำลังปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วนะคะ
อันนี้อ่านแล้วติดอยู่ในใจมากเลยนะคะ "ถ้าน้องเขาคิดสั้นจะทำยังไง ?" ขอไม่ตอบและถามกลับนะคะ "ถ้าเจ้าของร้านคิดสั้นจะทำยังไง ?"
จุดพีคเลยคือ "เรื่องที่โพสต์ประจานไม่เป็นความจริงเลย" ถ้าวันนี้ร้านไม่ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองร้านจะไปต่อได้ยังไง ?
ถ้าความจริงไม่ปรากฏร้านจะมีลูกค้ามั้ยในวันนี้ ฝากไว้ให้กลับไปคิดนะคะ