"บอสพอล"ย่องให้ปากคำตร.  ลั่นรู้สึกไม่ดี ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฏหมาย

“บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เข้าให้ปากคำตร. ลั่นรู้สึกไม่ดี ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฏหมาย

จากกรณี “บอสพอล” หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงามถูกกล่าวหาว่าการดำเนินธุรกิจอาจเข้าข่ายการหลอกลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่

 

\"บอสพอล\"ย่องให้ปากคำตร.  ลั่นรู้สึกไม่ดี ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฏหมาย
 

โดยมีผู้เสียหายรวมตัวกันนำหลักฐานการร่วมลงทุนมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ตรวจสอบว่าบริษัทแห่งนี้เข้าข่ายความผิดหรือไม่ 

 

\"บอสพอล\"ย่องให้ปากคำตร.  ลั่นรู้สึกไม่ดี ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฏหมาย

 

เมื่อเวลา 13.30 น บอสพอล หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหาร ดิไอคอนกรุ๊ป (The icon Group) เซอร์ไพรส์เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ท่ามกลางความประหลาดใจของสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์ผู้เสียหายที่แห่เข้าให้ปากคำที่กองบังคับการปราบปรามในวันนี้

 

โดย บอสพอล มาพร้อททีมงานทนายความ , บอดีการ์ด และ ทีมแม่ข่าย ซึ่งพยายามกีดกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์บอสพอล จนเกิดการชุลมุนกันขึ้น

ก่อนที่สุดท้ายบอสพอลจะยอมให้สัมภาษณ์ก่อนพบตำรวจ โดยเปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำและรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ตกเป็นจำเลยของสังคม ในฐานะผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป จนทำให้มีผู้สูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับค้าขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และอยากมาแสดงความเสียใจ เพราะหลังจากที่ได้ทราบข่าวรู้สึกไม่ดีมาตลอด จึงมาแสดงความบริสุทธิ์ต่อสังคม และเพื่อออกมาชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น

 

บอสพอล ยังยอมรับอีกว่า ตนเองออกมาชี้แจงช้ามาก ซึ่งตอนนี้มีความตั้งใจจะช่วยเหลือเยียวยาและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนผู้ที่สูญเสียคนในครอบครัว ทางบริษัทจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไขช่วยเหลือ โดยอาจหาบุคคลที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นมาช่วยเหลือเป็นตัวกลางให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด 

 

\"บอสพอล\"ย่องให้ปากคำตร.  ลั่นรู้สึกไม่ดี ยืนยันทำธุรกิจถูกต้องตามกฏหมาย

 

ส่วนความเสียหายทั้งหมดที่อ้างว่าเกิดขึ้นจากทางบริษัทของตนเองนั้น ต้องขอพิสูจน์ทราบและฟังคำให้การของฝั่งผู้เสียหายและฝั่งตนเองก่อน หากปรากฎข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็เชื่อว่าข้อเท็จจริงจะปรากฎ และประชาชนจะสามารถตัดสินใจได้ว่าใครผิดใครถูก

ส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นว่าบริษัทตนเองถูกกฎหมาย เพราะตั้งบริษัทมา 6 ปี แล้วไม่เคยคิดว่าการขายของออนไลน์ลักษณะนี้เป็นสิ่งผิด และตนเองก็ไม่ใช่เจ้าแรกที่ประกอบธุรกิจนี้ จะเห็นว่ามีรุ่นพี่ในธุรกิจขายของออนไลน์ที่ทำและเติบโตประสบผลสำเร็จ