- 14 พ.ย. 2567
"ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นเวทีปราศรัย ขอพี่น้องชาวอุดรฯ โหวต "ศราวุธ" เบอร์2 พรรคเพื่อไทย สรุปให้ ทุกประเด็น วันนี้พูดอะไรบ้าง
"ทักษิณ ชินวัตร" ขึ้นเวทีปราศรัย อ.บ้านดุง ขอพี่น้องชาวอุดรฯ โหวต "ศราวุธ" เบอร์2 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ตลาดศรีธัญวา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยเพจเฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย ได้สรุป ถ้อยคำปราศรัยของ "ทักษิณ" มาให้แล้ว ระบุว่า
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ตลาดศรีธัญวา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พร้อมด้วย แกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีประชาชนมารอฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน
[อายุ 75 ปี แต่รู้สึกเหมือน 25 ปี เพราะพี่น้องมามาก หัวใจพองโต]
นายทักษิณ ปราศรัยว่า ไม่เห็นหน้ากันนานแล้วนะ คิดถึงกันบ้างหรือไม่ ที่เลือกมาอุดรธานีเพราะคิดถึงพี่น้องชาวอุดรธานี และคนอุดรธานีก็ไม่เคยลืมตน มีใครทันตอนตนเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ที่ต้องถามเพราะตอนนี้ตนอายุ 75 ปีแล้วแต่ความรู้สึกยังเหมือนอายุ 25 ปี วันนี้เห็นพี่น้องมาเยอะแบบนี้หัวใจมันก็พองโต เมื่อก่อนตอนเป็นพรรคไทยรักไทย ตนก็มาเจอพี่น้องต่างจังหวัดกลับไปมีความสุขและไปนั่งคิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้เขาหายจน เพราะชีวิตตนเคยลำบากมา
[17 ปีผ่านไป คนจนไม่ได้รับการเหลียวแล]
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้นั่งรถมาเห็นสภาพพี่น้องก็เป็นห่วง ตนถูกปฏิวัติออกไป 17 ปี วันนี้มีสิ่งสวยๆ เกิดขึ้นบางที่บางแห่ง แต่พี่น้องยังลำบากอยู่ คนไม่มีหนี้มีน้อย แสดงว่าที่ผ่านมาคนจนไม่ได้รับการเหลียวแล ถามจริงๆ ทำไมคนอุดรธานีไม่ลืมตน ก่อนจะถามประชาชนที่มาฟังปราศรัยว่า ชอบนโยบายอะไรที่ตนทำไว้มากที่สุด โครงการ 30 บาทใช่หรือไม่ แล้วกองทุนหมู่บ้านยังมีอยู่หรือไม่ เพิ่มทุนหรือไม่ เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่โอท็อปเลื่องลือมาก แต่ตอนนี้หายไป หากโอท็อปได้รับการปรับปรุงเหมือนสมัยที่ตนอยู่ คงจะขายได้เยอะ และจะทำให้พี่น้องมีรายได้เพิ่มขึ้น
[ควักเงินส่วนตัวปรับปรุง OTOP ครั้งใหญ่]
นายทักษิณ กล่าวต่อถึงการปรับปรุง OTOP ว่าตนเองได้ใช้เงินส่วนตัว 300 ล้านบาทจ้างชาวต่างชาติ ศึกษาและปรับปรุง OTOP ครั้งใหญ่ อีกไม่นานเขาจะเปิดตัวว่าจะต้องรื้อไปทำอะไร และเพื่อปรับปรุง OTOP ไปขายทั่วโลก แล้วจะนำไปเสนอนายกรัฐมนตรี โดยไม่เก็บเงินใดๆ
[อิ๊งค์เหมือนตนทุกอย่าง คือรักและห่วงใยพี่น้องประชาชน]
“เห็นผมใกล้ๆ แล้ว ผมแก่ไปเยอะหรือไม่ ตอนนี้แก่ไปเยอะ แต่เห็นพี่น้องมากันเยอะก็รู้สึกหนุ่มขึ้น จะร้องเพลงเสกโลโซว่าอย่างไร เขาบอกคิดถึงตอนอายุ 14 แต่ผมคิดถึงตอนอายุ 55 ที่มาเป็นนายกฯนายกฯ อิ๊งค์เป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่ติดตามผมไปทุกที่ตั้งแต่แปดขวบ แม้กระทั่งไปประชุมเอเปกก็ติดตามผมไป วันนี้ไปประชุมเอง เป็นนายกฯ เอง แต่สิ่งที่นายกฯ อิ๊งค์มีอยู่เหมือนผมทุกอย่างคือความรักและความห่วงใยพี่น้องประชาชน คิดว่าต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ได้ และเชื่อว่ากลางปีหน้าพี่น้องประชาชนจะเห็นแสงสว่าง ปลายปีจะเห็นเศรษฐกิจที่คึกคักมาก เขาบ่นกับผมมาคำหนึ่งว่า พ่อ อิ๊งค์คิดว่าการผูกขาดทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการผูกขาดโดยรัฐก็ดี หรือผูกขาดโดยเอกชนก็ดี ทำให้คนไทยจน เพราะการผูกขาดเหมือนเป็นเสือนอนกิน วันนี้จึงต้องลดทุนของการผูกขาดให้ประชาชนมากที่สุด” นายทักษิณ กล่าว
[เตรียมแก้กฎหมายส่งออกข้าว ทลายทุนผูกขาด]
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งข้าวที่จัดส่งออกต่างประเทศก็ต้องผ่านสมาคมผู้ส่งออก มีการตรวจสารพัดซึ่งเป็นต้นทุนของเกษตรกร และกฎหมายนี้ก็ใช้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ที่บอกว่าข้าวเป็นยุทโธปกรณ์หรือเครื่องมือทางทหารที่ต้องควบคุม แต่ทุกวันนี้ก็ยังใช้กฎหมายเดิมอยู่ ฉะนั้น จึงต้องยกเลิกกฎหมายเก่าๆ ที่ทำให้คนไทยจน โดยเฉพาะเสรีภาพทางการค้าขายต่างๆ
[ทักษิณเกลียดพ่อค้ายาเสพติด]
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ด้านระบบการศึกษาเราต้องปรับค่านิยมของคนไทย อย่าให้ลูกรับปริญญาแล้วไม่มีงานทำ และโลกบอกว่าปริญญามีความสำคัญน้อยกว่าความชำนาญ วันนี้จึงขอฝากพี่น้องบ้านดุงให้บอกว่าวันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ใครค้ายาแถวนี้ระวังตัวให้ดี ทักษิณเกลียดพ่อค้ายา ถ้าอยากให้ทักษิณรัก ต้องเลิกค้ายา มาทำมาหากินสุจริตกันดีกว่า เพราะลูกหลานเราไม่ไหวกัน แล้วประสาทหลอน วันนี้ต้องเอาลูกหลานกลับคืนมา แล้วทักษิณก็ขยันเดินตรวจด้วย ตรวจเจอพ่อค้ายาก็เรียกมาเลย
[ถ้าไม่ชนะถล่มทลาย ผมอายเขานะ]
“ถ้าไม่ได้ชนะถล่มทลาย ผมอายเขานะ คนอุดรอย่าให้ผมอายนะ ถ้าไม่อาย ผมจะได้มาเยี่ยมบ่อยๆ ถ้าไม่งั้นผมต้องใส่หน้ากากอนามัยมาเยี่ยม” นายทักษิณ กล่าว
[เอะอะอะไรก็ครอบงำ แค่อยากช่วยชาวบ้านให้หายจน]
“อิจฉาอะไรก็ไม่รู้ ทำให้การช่วยเหลือบ้านเมืองนั้นทำได้ยาก หาว่าครอบงำ นักร้องก็เยอะ ไม่รู้ร้องอะไรนักหนา วันนี้ผมไม่คิดอะไรมาก แค่อยากช่วยชาวบ้านให้หายจน อยากให้ยาเสพติดหมดไป ใครอยู่แถวนี้ต้องใช้ความพยายาม พี่น้องต้องมีกำลังใจ ผมกลับมาแล้วพี่น้องต้องมีกำลังใจอีกนิด ตนเหลืออีก 25 ปีจะครบ 100 ปี ก็ขอให้ช่วยกัน เห็นสภาพบ้านเมืองแล้วหดหู่ หากปล่อยไว้แบบนี้คนไทยจะพัฒนาช้า พัฒนาเร็วเฉพาะส่วน คนส่วนใหญ่ถูกทอดทิ้ง
[ใจผมเป็นห่วงที่สุด คือคนรากหญ้า]
นายทักษิณ กล่าวต่อว่าผมก็เป็นคนบ้านนอก ฉะนั้น ใจผมเป็นห่วงที่สุดคือคนรากหญ้า สิ่งที่ยากเลยคือนักการเมืองเฮงซวย หากการเมืองเฮงซวยเมื่อไหร่ นักการเมืองก็เฮงซวยตาม แต่ระหว่างที่ผมออกไปเขาก็สร้างระบบกติกาให้การเมืองมันเฮงซวยขึ้นเรื่อยๆ” นายทักษิณ กล่าว
[เท่าเทียมทางโอกาส ลูกหลานจะได้ไปเรียนเมืองนอก]
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้ต้องเลิกดัดจริต ต้องอยู่กับความเป็นจริงว่าบ้านเมืองเราต้องการการพัฒนาสูงมาก ทุกวันนี้ระบบราชการเทอะทะควบคุมมากเกินไป ไม่ไว้ใจพี่น้องประชาชน ที่จริงแล้วประชาชนสามารถช่วยตัวเอง และตัดสินใจเองได้ ประเทศจะเจริญได้ต้องลดอำนาจภาครัฐ เพิ่มอำนาจให้ภาคประชาชน เพื่อป้องกันเรื่องโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกัน พรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชนหรือพรรคสีส้มนั้น มีความเหมือนคือเรื่องของความเท่าเทียม แต่พรรคประชาชน บอกว่าทุกคนเท่ากัน ทั้งฐานะ หรือสถานะ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะเท่ากับลูก แต่พรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส พรรคเพื่อไทยจึงพยายามอย่างยิ่งให้จนยากจนมีโอกาสเท่าเทียมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ก็จะบอกว่าจะประกาศข่าวดีในการที่จะหาเงินส่งลูกหลานไปเรียนเมืองนอก
[ทัวร์นกขมิ้น รู้ปัญหาทุกอำเภอ]
นายทักษิณ ระบุว่า เมื่อก่อนตนทำทัวร์นกขมิ้น ไปทุกอำเภอ เป็นนายกฯ คนเดียวที่เดินทางถึงประเทศไทยมากที่สุด ไปที่ไหนก็ได้รับจดหมายน้อย ซึ่งข้อความคือทุกข์ที่พบอยู่ในหมู่บ้าน จึงได้สร้างโครงการที่ชื่อว่าเอสเอ็มแอล ทำให้ตนได้รับรู้ปัญหาของประชาชน
นายทักษิณ ยังฝากนายศราวุธ ผู้สมัครลงเลือกตั้งนายก อบจ. เบอร์สอง สมัยที่แล้วเคยเป็นกรรมาธิการ ลำดับต่อไปเป็นรัฐมนตรี โชคร้ายสอบตก จึงขอให้พี่น้องอุ้มมาเป็นนาย อบจ. และอนาคตจาก อบจ. เป็นรัฐมนตรี
[ต้องชนะให้ขาด ชนะให้ถล่มทลาย]
“ชนะน้อย ๆ ไม่สนุก ต้องชนะเยอะ ๆ ต้องชนะให้ถล่มทลาย ผมจะได้เดินทางมาหาพี่น้องที่อุดรอย่างหล่อ ๆ ไม่อยากเดินมาแบบมีหน้ากาก มีปี๊บ” นายทักษิณ กล่าว
[เพื่อไทยคือนักแก้ปัญหา]
นายทักษิณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้พี่น้องมีพลังมีกำลังใจ วันนี้เพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว เป็นพรรคที่เป็นนักแก้เศรษฐกิจ นักแก้ปัญหายาเสพติด นักกระจายอำนาจลงสู่ภาคประชาชน และวันนี้จะเป็นนักแก้การผูกขาด ขอให้พี่น้องอดทนมาร่วมกันอีกนิดเดียว ผมมั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นท่านจะได้เห็นก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า ก่อนที่นายทักษิณจะพูดแก้ว่า เป็นปี 70 เดี๋ยวจะตีความว่าจะยุบสภาแล้ว ตนพูดผิด พร้อมย้ำว่า อย่าลืมเบอร์สองนะ เบอร์สองเป็นคนของทักษิณ”
[เสื้อแดงร่ำไห้ “ขอกอดหน่อยนะ”]
ช่วงท้ายหลังการปราศรัย ที่ อ.บ้านดุง ช่วยผู้สมัครนายกฯ อบจ.อุดรธานี อดีตนายกฯทักษิณ ลงจากเวที ปรี่หาชาวอุดรที่มาฟังปราศรัย เพื่อทักทาย โดยอดีตนายกรัฐมนตรีได้จับมือทักทาย รับดอกไม้ บางรายมอบกระเช้าผลิตภัณฑ์ชุมชน บางคนเจอหน้าอดีตนายกฯแล้วร้องไห้ บอก "ขอกอดหน่อย" บางรายเจออดีตนายกฯแล้วยังงงๆ เพราะจะขอถ่ายรูป ทักษิณ ได้หยิบมามือถือชาวบ้านแล้วมาเซลฟี่ให้ ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงคนเสื้อแดงที่เคยชุมนุมเมื่อปี 2553 เดินทางมาจากมหาสารคามเพื่่อพบอดีตนายกฯ โดยอดีตนายกฯ ได้สวมกอดเสื้อแดงรายนั้นแน่นๆ พร้อมไถ่ถามสารทุกข์ ก่อนจะเดินทางกลับ เพื่อเตรียมปราศรัยตอนเย็นที่ ทุ่งศรีเมืองวันนี้