- 25 พ.ค. 2562
ส้นเท้าแตกเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้งและแตกลายงามีลักษณะค่อนข้างหนาเพราะต้องทำการรองรับน้ำหนักตัวของเรา ซึ่งคนอ้วนจะมีโอกาส
ส้นเท้าแตกเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ผิวหนังบริเวณส้นเท้าแห้งและแตกลายงามีลักษณะค่อนข้างหนาเพราะต้องทำการรองรับน้ำหนักตัวของเรา ซึ่งคนอ้วนจะมีโอกาสส้นเท้าแตกได้มากกว่าคนผอม อันเกิดจากการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวหนังจากการทำกิจกรรมที่เกิดแรงเสียดสีบริเวณนั้นๆ เช่น การยืนหรือเดินมากเกินไปเป็นเวลานาน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้เช่นกัน
ในระยะแรกจะมีอาการส้นเท้าบวมและแดง จากนั้นจะเริ่มแตกเป็นรอยแยกเล็กๆ และเริ่มแตกลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นเลือดออกจนเดินไปได้กันเลยทีเดียว ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยไว้นาน
และวันนี้เรามีเคล็ดลับเด็ดถึง 11 สูตรมาฝาก ใครสะดวกสูตรไหน ไปลองทำกันเลย...
สูตรที่ 1 น้ำตาล+น้ำมันมะกอก
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. น้ำมันมะกอก
2. น้ำตาล
3. ภาชนะผสม
วิธีทำ นำน้ำมันมะกอกมาผสมกับน้ำตาลในอัตราส่วน 1 : 1 ผสมให้เข้ากัน โดยสามารถปรับได้ตามเหมาะสมหากพบว่าส่วนผสมดูแข็งหรือหยาบมากเกินไป
วิธีใช้ อันดับแรกแนะนำให้แช่เท้าในน้ำอุ่นสักประมาณ 15 นาที จากนั้นนำเอาส่วนผสมที่ได้มาขัดที่เท้า ข้อศอก มือ หรือบริเวณที่ผิวหนังที่หยาบกร้าน โดยให้ขัด-นวด เป็นวงกลมไปสักประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด จากนั้นทาครีมบำรุงตามปกติ
สูตรที่ 2 กล้วย
กล้วยจะช่วยกระตุ้นให้ผิวผลัดเซลล์ใหม่ สามารถทำได้โดยบดกล้วย 1 ลูก ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นใส่ถุงพลาสติกครอบอีกชั้น แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับส้นเท้า
สูตรที่ 3 มะนาว
คั้นเฉพาะน้ำมะนาวนำมาผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นนำเท้าลงไปแช่สักพัก เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เท้านุ่มขึ้นได้เหมือนกัน หรือนำเปลือกมะนาวผสมเกลือขัดบริเวณรอยแตกก็จะทำให้ผิวหนังที่แห้งหลุดลอกออกไป
สูตรที่ 4 ยางมะละกอ
นำยางมะละกอมาทาบริเวณรอยแตก ประกอบกับใช้ที่ขัดเท้ามาขัดทุกวัน ก็ช่วยทำให้ส้นเท้าแตกนุ่มขึ้นและรอยแตกค่อยๆ หายไป
สูตรที่ 5 ขัดส้นเท้าตอนอาบน้ำ
ในเวลาที่เราอาบน้ำนานๆ ก็จะทำให้ตัวเราเปื่อย รอยแตกบริเวณส้นเท้าจะค่อย ๆ อ่อนลง เราจึงใช้โอกาสนี้นำที่ขัดส้นเท้ามาขัดตรงรอยแตก ก็จะหลุดลอกออกไปง่ายยิ่งขึ้น ทำเช่นนี้ทุกวันเวลาที่อาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จทาโลชั่นเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว
สูตรที่ 6 น้ำมันมะพร้าว
จะมีวิตามินอีเข้มข้นมีสรรพคุณช่วยสมานผิวแตกให้เรียบเนียนขึ้น เพียงแช่เท้าในน้ำอุ่น ใช้ที่ขัดเท้านวดด้วยน้ำมันมะพร้าว จากนั้นทำการใส่ถุงเท้าเข้านอน ก็จะให้ความชุ่มชื้นกะเท้ามากขึ้น
สูตรที่ 7 ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย
ร่างกายของคนเราแน่นอนว่าต้องการน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการในหนึ่งวัน ดังนั้นควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ส้นเท้าแตกของคุณก็จะนุ่มตามไปด้วย
สูตรที่ 8 วาสลีน
เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายและรวดเร็วแต่จะต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องหมั่นทาทุกวันตรงบริเวณที่มีรอยแตก จะทำให้ส้นเท้าค่อยๆ เนียนนุ่มขึ้น
สูตรที่ 9 น้ำมันมะกอก
เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องมีไว้ติดบ้าน ซึ่งนอกจากจะใช้ในการหมักผม ทาผิวให้นุ่มแล้ว เรายังสามารถนำน้ำมันมะกอกมาทาที่ส้นเท้าแตกได้ โดยการทาน้ำมันมะกอกบริเณส้นเท้าทุกวัน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น
สูตรที่ 10 สารส้ม
นอกจากสารส้มจะมีคุณสมบัติในการช่วยดับกลิ่นตัวแล้ว ใครจะรู้ว่าสามารถนำมาใช้ในการบรรเทาอาการส้นเท้าแตกได้อีกด้วย โดยการนำไปผสมกับน้ำแล้วใช้สำลีชุบทาลงบนส้นเท้า ทิ้งไว้นานพอสมควรก็จะดีขึ้น
สูตรที่ 11 น้ำผึ้ง
ในน้ำผึ้งนั้นจะมีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ประกอบกับสารแอนตี้แบคทีเรียโดยการเทน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น แช่เท้าทิ้งไว้อย่างน้อย 20 นาทีก่อนนอนทุกคืนจะทำให้ส้นเท้านุ่มขึ้น ไม่ก่อให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกให้กังวลใจ
รู้แบบนี้แล้วอย่ารอช้า รีบกำจัดแผนที่แตกลายบนส้นเท้าของเรา เพื่อความมั่นใจ และกลับมาเดินเฉิดฉายอีกครั้งเลย...