- 22 ม.ค. 2563
ถ้าพูดถึงสุขภาพ ความงาม นอกจากรูปร่างภายนอกจะสวยงามแล้ว แต่ถ้าหากมีกลิ่นปากก็เล่นเอาหมดความมั่นใจเลยทีเดียว แต่ทั้งที่บ้วนปากก็แล้ว แปรงฟันเช้า-เย็นก็แล้วกลิ่นปากก็ยังไม่หายไป วันนี้เราก็มี 10 เคล็ดลับวิธีดับกลิ่นปาก แบบไร้สารเคมีมาฝาก
ถ้าพูดถึงสุขภาพ ความงาม นอกจากรูปร่างภายนอกจะสวยงามแล้ว แต่ถ้าหากมีกลิ่นปากก็เล่นเอาหมดความมั่นใจเลยทีเดียว แต่ทั้งที่บ้วนปากก็แล้ว แปรงฟันเช้า-เย็นก็แล้วกลิ่นปากก็ยังไม่หายไป วันนี้เราก็มี 10 เคล็ดลับวิธีดับกลิ่นปาก แบบไร้สารเคมีมาฝาก
สาเหตุของกลิ่นปากนั้นเกิดจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และการรับประทานอาหารบางชนิด ที่มีกลิ่นแรงทำให้เกิดกลิ่นปาก นอกจากนี้โรคระบบทางเดินหายใจก็ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน อาทิ โรคไซนัสอักเสบ โรคทอนซิลอักเสบ โรคมะเร็งโพรงกระดูก กรดไหลย้อน โรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอดหรือมะเร็งปอด แม้แต่โรคที่เกิดขึ้นในระบบขับถ่ายที่ทำให้การขับถ่ายผิดปกติก็สามารถสร้างกลิ่นปากได้ ขณะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีการควบคุมน้ำตาลที่ไม่ดี ก็จะมีกลิ่นปากได้อีกด้วย
10 วิธีดับกลิ่นปาก
วิธีที่ 1 ดื่มน้ำเยอะๆ
น้ำลายสามารถช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปากออกไปได้ก็จริง แต่ถ้าหากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้น้ำลายหลั่งออกมาน้อย ส่งผลให้เศษอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในปากบูดเน่าได้ ดังนั้นการดื่มน้ำเยอะ ๆ ให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสร้างน้ำลายได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยชะล้างเศษอาหารในปากออกไปได้อีกด้วย ถ้าไม่อยากมีกลิ่นปากลองใช้วิธีนี้ดูนะ
วิธีที่ 2 เปลี่ยนแปลงฟันทุก 2-3 เดือน
แปรงสีฟันถือเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคที่ดีอย่างหนึ่ง ลองนึกดูสิว่าทุกวันที่เราแปรงฟัน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากก็จะติดไปอยู่กับแปรงสีฟัน และถ้าเราทำความสะอาดแปรงสีฟันไม่ดี เชื้อเหล่านั้นก็จะยังเจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเราหยิบมาแปรงฟันอีกครั้งเชื้อเหล่านั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในปากเพิ่มมากขึ้น แค่คิดก็สยองแล้ว ฉะนั้นเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยหน่อยดีกว่าเนอะ
วิธีที่ 3 ทานผักสดไว้ให้มากๆ
การรับประทานผักสด ๆ อย่างแครอท ขึ้นฉ่าย หรือแอปเปิลสด ๆ ไฟเบอร์จากผักผลไม้เหล่านี้จะช่วยให้กลิ่นปากหายไปได้ เพราะวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้จะเข้าไปช่วยสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงทำให้ร่างสามารถสร้างสารที่จะมาต่อสู้กับแบคทีเรียในร่างกายได้มากขึ้น ส่งผลให้น้ำลายของเรามีประสิทธิภาพในขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้การเคี้ยวผักหรือผลไม้ที่สดกรอบก็จะช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียในช่องปากออกไปได้อีกด้วย
วิธีที่ 4 หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
การบ้วนปากด้วยน้ำเกลือเป็นวิธีง่าย ๆ ในการขจัดกลิ่นปาก เพราะน้ำเกลือจะเข้าไปช่วยชะล้างเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปากและคอออกไปได้มากขึ้น แต่ก็อย่าผสมน้ำเกลือจนเข้มข้นเกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดผลเสียกับสุขภาพตามมาได้เหมือนกัน
วิธีที่ 5 เคี้ยวเปลือกส้มหรือเปลือกมะนาว
กรดซิตริกในมะนาวมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับกรดในน้ำลายที่แม้จะเจือจางแต่ก็สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากได้ การนำเปลือกมะนาวหรือเปลือกส้มที่คั้นน้ำแล้วมาเคี้ยวสักครู่จะช่วยให้แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นลดลงได้ แต่หลังจากเคี้ยวแล้วก็อย่าลืมบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดด้วย เพราะเจ้ากรดชนิดนี้หากทิ้งไว้ในปากนาน ๆ ก็กัดกร่อนเนื้อฟันได้เหมือนกัน
วิธีที่ 6 รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ให้มากขึ้น
ระบบขับถ่ายที่ผิดปกติ สามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้ เพราะเมื่อคนเราเกิดปัญหาเรื่องระบบขับถ่ายอย่างเช่น ท้องผูก ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดสารพิษในร่างกายออกไปได้หมด ส่งผลให้สารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายและเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ตลบอบอวลอยู่ในกระเพาะและลำไส้ และกลิ่นนั้นก็อาจจะขึ้นมาถึงระบบทางเดินอาหารส่วนบนขึ้นสู่ปากกลายเป็นกลิ่นปากเหม็นตุ ๆ ได้ การรับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ อย่างเช่น โยเกิร์ต ให้มากขึ้นจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ไม่มีสารพิษตกค้างในร่างกายและขจัดกลิ่นปากไปได้เช่นกัน
วิธีที่ 7 ทานอาหารที่มีสังกะสีให้เพียงพอ
กลิ่นปากบางครั้งก็มาจากการขาดสารอาหารบางชนิด อย่างเช่น สังกะสี เป็นต้น เพราะสังกะสีนั้นมีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคที่เป็นอันตราย การรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีอย่าง ฟักทอง โกโก้ และเครื่องในสัตว์ สามารถช่วยเพิ่มสังกะสีในร่างกายทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้แบคทีเรียมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนของเลือดและป้องกันโรคกระดูกพรุนได้อีก ดีหลายทางแบบนี้ก็อย่าพลาดเด็ดขาด
วิธีที่ 8 เคี้ยวสมุนไพรหรือเครื่องเทศสด
สมุนไพรและเครื่องเทศที่ว่านี้ก็ได้แค่ใบพาสลีย์ โหระพา สะระแหน่ เพราะสมุนไพรเหล่านี้นอกจากจะมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ช่วยให้กลิ่นปากหอมสดชื่นได้แล้ว สารคลอโรฟิลล์ที่มีในสมุนไพรก็ยังช่วยลดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยล่ะ ปริมาณในการเคี้ยวก็ไม่ต้องเยอะมาก เพียงแค่กิ่งเล็ก ๆ ก็พอ
วิธีที่ 9 แปรงฟันบ่อย ๆ และหมั่นทำความสะอาดลิ้น
เราได้เรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กว่าควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าต้องการให้ช่องปากสะอาดมากขึ้นก็ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารสัก 15-30 นาทีจะดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำความสะอาดลิ้นบ่อย ๆ เพราะคราบฝ้าขาว ๆ บนลิ้นก็เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน
วิธีที่ 10 เลี่ยงการทานอาหารที่มีกลิ่นแรง
ถ้าการรับประทานอาหารเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากก็ควรหันมาระมัดระวังในการรับประทานอาหารมากขึ้น เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง อาทิ กระเทียม ต้นหอม หรือของหมักดอง เท่านี้กลิ่นปากก็จะไม่มากวนใจแน่นอน
สูตรน้ำขิงมะนาว จิบวันละครั้ง เพื่อผิวพรรณขาวใส กลิ่นปากหาย สลายลิ่มเลือด
วิธีทำ "น้ำขิงมะนาว"
1. เตรียมน้ำอุ่น 1 แก้ว
2. ฝานเหง้าขิงให้ได้ขนาดประมาณ 1/2 นิ้ว จากนั้นนำไปแช่ไว้ในแก้วน้ำอุ่นที่เตรียมไว้นานประมาณ 3-5 นาที
3. คั้นน้ำมะนาวเพิ่มลงไป หรือจะใช้ฝานมะนาวเป็นชิ้นบาง ๆ แช่ลงไปก็ได้
4. หากต้องการความหวานสามารถเพิ่มน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1/2 ช้อนชา เพื่อกลบรสชาติเผ็ดร้อนของขิง
5. พยายามชงจิบให้ได้ติดต่อกันนาน 28 วัน หรือประมาณ 4 สัปดาห์ แนะนำว่าให้ชงจิบตอนเช้าดีกว่าก่อนนอน เพราะขิงมีฤทธิ์คล้ายสารคาเฟอีนคือ กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว อาจส่งผลให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
น้ำขิงมะนาว เป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่เราสามารถทำได้เองง่าย ๆ ซึ่งจะดีต่อสุขภาพของเราอย่างแน่นอนหากเราไม่เพิ่มความหวานให้กับน้ำขิงมะนาวด้วยการใส่น้ำตาล หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่ถ้าใครที่ยังไม่ชินกับรสชาติของขิงนั้น ขอแนะนำว่าในช่วงแรกอาจใช้ขิงในปริมาณน้อย แต่เน้นน้ำมะนาวมากหน่อย หากชินกับรสชาติแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขิงก็ได้เช่นกัน
ประโยชน์ของน้ำขิงมะนาว
1. ช่วยในการลดน้ำหนัก
การจิบน้ำขิงมะนาวเพียงแค่วันละหนึ่งครั้ง จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างเอนไซม์ ออกมาอย่างมาก และจะดึงไขมันที่สะสมออกมาเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงาน และจะถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะ จึงช่วยทำให้ลดน้ำหนักได้
2. ช่วยดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
หากว่าคุณจิบ น้ำขิงมะนาว ทุกเช้าของวันเป็นประจำ จะมีประโยชน์มากในการทำความสะอาดร่างกาย ดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้หมดไป ทั้งยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของน้ำเหลืองดีขึ้นอีกด้วย
3. บรรเทาอาการเจ็บคอ
น้ำขิงมะนาว จะช่วยกระตุ้นให้เกิดน้ำลายจำนวนมาก ทำให้คอไม่แห้ง และลดการติดเชื้อในลำคออีกด้วย
4. ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
นอกจาก น้ำขิงมะนาว จะมีวิตามินซีมากมายแล้ว ยังมีวิตามินบี อยู่มากมาย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวหยังถูกทำร้าย และชลอความเสื่อมของเซลล์ ทั้งยังมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูก และบำรุงต่อมหมวกไต
5. ช่วยเรื่องผิวพรรณ
น้ำขิงมะนาว เต็มไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และไปซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกสารอนุมูลอิสละทำร้าย ทั้งยังช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ซึ่งจะทำให้คุณผิวพรรณดีอย่างแน่นอน
6. บรรเทาอาการหวัด
หากว่าเรารู้สึกตัวเองว่าเริ่มเป็นหวัดแล้วล่ะก็ ให้รีบหาน้ำขิงมะนาวมาจิบ เพราะเนื่องจากว่า น้ำขิงมะนาวจะช่วยลดอาการหวัดได้เป็นอย่างดี เนื่องจากว่า มะนาว มีวิตามินซีที่สูง ช่วยลดการสะสมของโรคในระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี และบวกเข้ากับ ขิง ที่ช่วยในการเผาผลาน ขับเหงื่อ เป็นการบรรเทาอุณภูมิในร่างกายให้ลดลง ควรจิบอุ่นๆจะช่วยให้เห็นผลทันตา
7.ช่วยในการย่อยอาหาร
การที่เรา ดื่มน้ำขิงมะนาว เป็นประจำทุกเช้า จะช่วยทำให้ตับผลิตน้ำย่อยออกมาจำนวนมากอีกด้วย ทำให้เวลาที่เรากินอาหารเข้าไปจะไม่เกิดอาการท้องอืด และน้ำย่อยจะย่อยอาหารได้ดีขึ้นอีกด้วย