- 14 มี.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
ญาติ นร.สาว ม.4 วัย 16 ปี จากสุราษฎร์ธานี เข้าร้องกระทรวงยุติธรรม หลังลูกสาวถูกรถกระบะชนเสียชีวิต แต่กลับตกเป็นผู้ต้องหาไม่ได้สิทธิเยียวยา น้าชายเผยหลานถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนขับจยย. ระบุที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด แต่ตำรวจอ้างภาพไม่ชัด
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่ สำนักปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ราตรี รัตนชัย อายุ 40 ปี มารดา พร้อมด้วยนายบรรหาร รัตนชัย อายุ 37 ปี น้าชาย และ น.ส.สุดาทิพย์ รัตนชัย อายุ 29 ปี น้าสาวของ น.ส.วิลาวรรณ หลีดลหมาน อายุ 16 ปี เดินทางเข้าขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลัง น.ส.วิลาวรรณ ถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตแต่กลับตกเป็นผู้ต้องหา ส่งผลให้ไม่ได้รับสิทธิในการเยียวยาค่าเสียหาย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 59 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี
นายบรรหาร เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเวลา 19.00 น. หลานสาวพักผ่อนอยู่ในบ้านเลขที่ 37 หมู่ 5 ต.คลองศก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี มีเพื่อนผู้หญิง 2 คนเป็นพี่น้องกันขี่จักรยานยนต์มาที่บ้านชวนหลานสาวตนไปเที่ยวงานวัดคีรีไพรสณฑ์ ห่างจากบ้านพักประมาณ 24 กิโลเมตร นั่งซ้อนท้ายกัน 3 คน มีหลานสาวนั่งซ้อนอยู่ตรงกลาง หลังจากงานวัดเลิกเวลาเกือบเที่ยงคืนและตอนขากลับมีเพื่อนผู้ชาย 2 คนขี่ซ้อนจักรยานยนต์อีก 1 คันร่วมเส้นทางกลับบ้านพร้อมกัน จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุบริเวณ กม.82 หมู่บ้านบางหมาน จักรยานยนต์คันที่ผู้ชายขับขี่มาจอดส่งเพื่อนที่ซ้อนให้ลงกลับบ้านแต่เกิดอุบัติเหตุ จักรยานยนต์คันผู้หญิงซ้อน 3 คนมาชนท้ายทำให้ล้มทั้งคู่ แต่ รถจักรยานยนต์คันผู้หญิงเกิดล้มไปกลางถนน ซึ่งเพื่อนผู้หญิง 2 คนลุกขึ้นมาหลบริมทางได้ทัน ส่วนหลานสาวตนถูกจักรยานยนต์ทับขาอยู่ลุกขึ้นไม่ได้และก็ถูกรถกระบะ วีโก้ สีดำ ยกสูง ขับอย่างเร็วพุ่งชนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายบรรหาร กล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนวนคดีอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบพยานซึ่งเป็นเพื่อนหลานสาวไป 3 คนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ แต่กลับอ้างว่าหลานสาวของตนเป็นผู้ขี่จักรยานยนต์คันเกิดเหตุ แต่แท้จริงแล้วหลานสาวตนนั่งซ้อนคนกลางไม่ใช่คนขี่ตามคำให้การ ตนจึงคิดว่าเป็นการโยนความผิดให้หลานสาวเพื่อให้คดีจบ อีกทั้งตนได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบกลับบอกว่าอยู่ระหว่างสืบสวนและมองว่าหากปล่อยไปนานเรื่องจะเงียบหายไป นอกจากนี้ บริเวณจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดประมาณ 4-5 ตัวเชื่อว่าน่าจะสามารถจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ตำรวจกลับบอกว่าภาพไม่ชัด
ด้าน น.ส.ราตรี เปิดเผยว่า ตนไม่ได้ประกอบอาชีพเนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมีลูก 2 คน โดยคนโตเป็นผู้หญิง คือผู้เสียชีวิต กับคนเล็กเป็นผู้ชายยังเล็กอยู่ ฐานะครอบครัวยากจน สำหรับลูกสาวที่เสียชีวิตนั้นเป็นคนเรียนดีและกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.4 ร.ร.พนมศึกษา คาดหวังเป็นอนาคตของครอบครัวแต่สุดท้ายมาเกิดเหตุไม่คาดฝัน และคดียังไม่คืบหน้าจึงเดินทางมาร้องเรียน นอกจากนี้ ตอนงานศพเพื่อนผู้หญิง 2 คนที่นั่งซ้อนจักรยานยนต์ด้วยกันไม่เคยมาร่วมงานเลยมีแต่เพื่อนที่โรงเรียนคนอื่นๆ และอาจารย์มากันเป็นจำนวนมาก
พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า เบื้องต้นจะประสานดีเอสไอ ศูนย์ภาคใต้ เพื่อช่วยติดตามหาพยานในคดีซึ่งเป็นเยาวชนและกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนและเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป รวมทั้งเพื่อรักษาสิทธิเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตหากตรวจสอบพบว่าไม่ได้กระทำผิดในคดีนี้