- 06 พ.ย. 2560
FB : DEEPS NEWS
จากกรณีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ติดตามการปฏิรูปประเทศกับหมอชูชัย ซึ่งเป็นของ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) ได้โพสต์ข้อความ โดยอ้างถึงข้อเขียนของ คุณหญิงอุไรวรรณ สวัสดิศานต์ นักอักษรศาสตร์ประเภทเชี่ยวชาญ ส่วนงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สำนักราชเลขาธิการว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าฯให้สำนักพระราชวังนิมนต์ พระอาจารย์ฌอน ชยสาโร แห่งสถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จังหวัดนครราชสีมา มาแสดงธรรมที่ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ซึ่งเนื้อหาที่นพ.ชูชัย นำมาโพสต์ไว้มีทั้งหมดดังนี้
ร. ๑๐ โปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังนิมนต์พระอาจารย์ฌอน ชยสาโร มาแสดงธรรมที่ศาลาดุสิดาลัย จึงขอนำบุญมาฝากพร้อมทั้งบันทึกธรรมที่ได้จากการรับฟังวันนี้มาเล่าสู่พี่น้องค่ะ...
...**ท่านชยสาโรเล่าว่า ท่านบวชในเมืองไทยมาเกือบ 40 ปีแล้ว แม้ท่านมีกำเนิดเป็นชาวอังกฤษ แต่ได้พยายามแสวงหาธรรมมาตั้งแต่อายุน้อยๆ จนได้มาสู่สำนักของหลวงพ่อชา แห่งวัดหนองป่าพงผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือที่สุด
ท่านได้รับความรักและเอื้อเอ็นดูจากญาติโยมชาวบ้านเหมือนดังท่านเป็นลูกหลานแท้ๆ ทำให้ท่านคิดว่าต้องทำหน้าที่ตอบแทนบุญคุณชาวบ้านให้ดี และหน้าที่ของพระที่จะตอบแทนบุญคุณชาวบ้านได้ก็คือการแสดงธรรม ท่านจึงตั้งใจเรียนพูดอ่านเขียนภาษาไทยจนใช้การได้ดี เพื่อประโยชน์ในการแสดงธรรม
ท่านรักประเทศไทย รู้สึกตนว่าเป็นคนไทย และคิดจะอยู่ในเมืองไทยไปตลอดชีวิต ท่านภูมิใจในความเป็นไทย จนบางครั้งลืมนึกไปว่าท่านเป็น พระฝรั่ง เมื่อได้ยินใครร้องว่านั่นแน่ะพระฝรั่งมาแล้ว ท่านยังเหลียวไปมองหาว่าพระฝรั่งอยู่ตรงไหน กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าเขาหมายถึงท่านนั่นเอง
ดังนั้นท่านจึงแปลกใจที่ได้ยินคนไทยตำหนิติเตียนคนไทยด้วยกันเองว่านิสัยไม่ดีต่างๆนานา ล้วนแต่สู้ชาวต่างประเทศไม่ได้
ท่านคิดว่าคนไทยมีนิสัยดีหลายอย่างที่ชาวต่างชาติไม่มี หนึ่งในนั้นคือการรู้จักแยกคนชั่วคนดี ท่านว่ามีชาวมุสลิมดีๆในหลายประเทศต้องเดือดร้อน ถูกรังเกียจจากคนต่างศาสนา บางทีก็ถูกทำร้ายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เพียงเพราะมีชาวมุสลิมจำนวนหนึ่งที่ไปก่อความรุนแรงสร้างอันตรายให้แก่ผู้คน ดังนั้นจากความไม่พอใจก็กลายเป็นความหวาดกลัวและชิงชัง แต่ในเมืองไทยนี้ ท่านถามว่ามีจังหวัดใดหรือไม่ที่ชาวมุสลิมจะถูกทำร้ายหรือถูกชิงชังรังเกียจ ชาวมุสลิมยังอยู่อย่างปรกติสุขในสังคมไทย แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นในภาคใต้ก็ตาม
ท่านว่าศาสนา(religion หรือ faith)แบ่งเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน กลุ่มที่มีผู้นับถือมากคือกลุ่มที่มีกำเนิดในตะวันออกกลาง เช่น ยิว คริสต์ และอิสลาม ศาสนาเหล่านี้สอนให้คนมีศรัทธาและความเชื่อในความจริงตามหลักศาสนา หากความจริงใดๆขัดต่อหลักศาสนาก็ถือว่าไม่ใช่ความจริง เช่น บางศาสนาสอนว่าโลกนี้เกิดมาได้ 5,000 ปี (ท่านไม่ได้ระบุว่าเป็นศาสนาใด) ต่อให้มีหลักฐานทางธรณีวิทยา ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรืออะไรก็ตามที่ระบุว่าโลกนี้มีอายุมากกว่าพันล้านปีก็ยอมรับไม่ได้ว่าเป็นความจริง
ศาสนาพุทธเกิดในอินเดีย และมีหลักการต่างจากศาสนาอื่นๆ คือสอนให้ยึดหลักความจริงและเหตุผล การพยายามพิสูจน์ความจริงทุกชนิดไม่ขัดต่อหลักศาสนาพุทธ และพระพุทธเจ้าสอนให้คนพยายามปฏิบัติฝึกฝนด้วยตนเองจนกว่าจะค้นพบความจริงแท้ ไม่ใช่เชื่อตามคำสอนเฉยๆ
พุทธศาสนาสอนความจริงที่ลึกซึ้งไปกว่าวิทยาศาสตร์ เพราะความจริงทางวิทยาศาสตร์จำกัดตรงที่ต้องพิสูจน์ได้ ต้องเห็นได้ แต่พุทธศาสนามีความจริงที่เป็นนามธรรมหลายมิติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ แต่ว่ามีอยู่จริง ตัวอย่างง่ายๆเช่นความรักความเมตตานี้เรามองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ แต่ใครๆก็รู้ว่ามีอยู่จริง
เกิดมาเป็นคนไทยนี้โชคดี เพราะเป็นเมืองพุทธ และบ้านเมืองก็น่าอยู่ เกิดเป็นมนุษย์ถือว่าประเสริฐยิ่งกว่าเกิดเป็นอะไรทั้งสิ้นเพราะมีโอกาสปฏิบัติธรรม เกิดเป็นเทวดามีแต่ความสบายเกินไป ทำให้ขี้เกียจ ไม่มีแรงจูงใจที่จะปฏิบัติธรรม เกิดเป็นสัตว์นรกก็ทุกข์ทรมานตลอดเวลาไม่มีสมาธิจะปฏิบัติ เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่รู้จักการปฏิบัติธรรม เกิดเป็นมนุษย์มีทั้งทุกข์และสุขปะปนกันไป สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติธรรมได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสดีแล้วก็อย่าทิ้งโอกาสไปเสีย
มนุษย์เราปฏิบัติธรรมได้ทุกเวลา ในเมื่อธรรมนั้นมีทั้งกุศลธรรมและอกุศลธรรม และคนไทยส่วนใหญ่ก็แยกแยะชั่วดีเป็น แม้แต่คนที่ค้ายาเสพติดก็รู้ว่ายาเสพติดไม่ดี แต่ที่ยังค้าอยู่เพราะคิดว่าฉันคงไม่ถูกตำรวจจับหรอก ไม่ใช่ไม่รู้ว่ายาเสพติดไม่ดี คนเราจึงควรฝึกจิตไม่ให้อ่อนไหวไปตามอกุศลกรรม ค่อยๆเพียรทำกุศลกรรมไปแล้วจิตใจก็จะพัฒนาจนมีความแข็งแกร่งขึ้น อารมณ์ก็เป็นตัวทำลายปัญญาที่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ใดๆก็จะไม่มีปัญญาเกิดขึ้นเลย
มีผู้ถามว่า ข้าราชบริพารควรยึดหลักธรรมอะไรในการปฏิบัติราชการถวายพระมหากษัตริย์ ท่านตอบว่า พุทธศาสนาไม่มีหลักธรรมที่จำเพาะเจาะจงใช้เฉพาะกลุ่มใด งานของข้าราชบริพารเป็นงานที่ทำแล้วส่งผลถึงประเทศชาติก็ให้คิดถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ
อีกท่านถามว่า มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร และบอกว่าอาจเป็นคำถามที่ยากสักหน่อย
ท่านตอบว่า พวกญาติโยมคงจะได้ยินคำว่า เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข ของข้าพเจ้าทั้งหลาย อยู่บ่อยๆ
นี่น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า เราเกิดมาและอยู่เพื่อประโยชน์สุขของคนทั้งหลาย ไม่ใช่เราคนเดียว ถ้าเราคิดทำอะไรเพื่อคนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย จิตใจของเราก็จะพัฒนาขึ้น และคำว่า มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร ควรเป็นคำถามที่ทุกคนนำมาถามตนเอง ถ้าคิดจะทำอะไรก็ลองถามตนเองว่ากำลังเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่หรือไม่
จบธรรมเทศนาแล้วท่านให้นั่งสมาธิพร้อมทั้งสอนวิธีกำหนดลมหายใจไปด้วยเป็นเวลา 15 นาที..
(เขียนจากความจำ ผิดบ้างพลั้งไปขออภัยด้วย และเกร็ดประวัติต่างๆของท่านก่อนมาบวชในเมืองไทย หรือแนวการสอนของหลวงพ่อชาก็ไม่ได้นำมาเล่า เพราะน่าจะเคยอ่านกันมาแล้วค่ะ)
คุณหญิงอุไรวรรณ สวัสดิศานต์
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ติดตามการปฏิรูปประเทศกับหมอชูชัย