- 27 ส.ค. 2561
ขุดรากถอนโคน "บิ๊กหมาย"รุกหนักปฏิบัติการสยบไพรี ทลาย 3 แก๊งค้ายานรก ยอดยึดทรัพย์ทะลุกว่า 300 ล้าน
ถือเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมที่อันตราย และเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก เกี่ยวกับปัญหายาเสพติด ทั้งผู้เสพและผู้ขาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างกวดขันและปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ชุดสยบไพรี พร้อมกำลังคอมมานโด กองปราบปราม นำอาวุธครบมือ
พร้อมหมายศาลบุกจับนายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติด และอั้งยี่ ภายในโรงงานจำหน่ายยางรถยนต์ และ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามปฎิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/7 ก่อนยึดทรัพย์ทั้งตัวโรงงานและทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงงานทั้งหมด และยังพบว่ามีเงินหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กวาดล้างให้สิ้นซาก "บิ๊กหมาย" ลุยเอง ชุดสยบไพรีบุกโรงงานยางแถวกระทุ่มแบน ค้ายารวยอู้ฟู่กว่า 100 ล้าน
ล่าสุดก็มีอีกหนึ่งคดีใหญ่ เกี่ยวกับการจับกุมยาเสพติด โดยพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศีรวรขาน รองผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวาชัย ผู้ช่วยผบ.ตร.พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ได้แถลงรายละเอียดทั้งหมดที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายหลังนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบช.ปส.ปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/7 MDS : Mission Dark Social “กระเทาะเปลือกถั่ว” เพื่อดำเนินการกวาดล้างปราบปราม จับกุม และทำลายเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังให้หมดสิ้น กำหนดการปฏิบัติการห้วงวันที่ 12 กรกฎาคม-31 สิงหาคม
โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 15 หน่วยงาน จำนวน 1,533 นาย มีผลการจับกุม 206 คดี ผู้ต้องหา 243 ราย ตรวจยึดของกลาง เป็นยาบ้า 16,253,076 เม็ด ไอซ์ 467 กิโลกรัม กัญชา 499 กิโลกรัม กระท่อม 1,230 กิโลกรัม เฮโรอีน 800 กรัม อาวุธปืน 16 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 177 นัด วัตถุระเบิด 1 ลูก ตรวจยึดทรัพย์สินรถยนต์ 52 คัน รถจักรยานยนต์ 10 คัน บ้านพร้อมที่ดิน 22 หลัง โฉนดที่ดิน 15 แปลง ทองรูปพรรณ เงินสด และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าทั้งหมด 338,851,343 บาท
ทั้งนี้มีเครือข่ายสำคัญ 3 เครือข่ายได้แก่ 1.เครือข่าย “มันทุกเม็ด” เครือข่ายที่ทำการค้ายาเสพติดโดยใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าในลักษณะเป็นการขายตรง โดยจะให้ลูกค้าสมัครเข้ามาเพื่อรับยาเสพติดไปจำหน่ายก่อน แล้วให้ทำการชำระค่ายาเสพติดผ่านบัญชีธนาคาร กรณีลูกค้าไม่ชำระค่ายาเสพติด ก็จะส่งบุคคลในเครือข่ายไปทวงหนี้และทำร้ายแล้วถ่ายเป็นคลิปวีดีโอ และโพสต์ลงในเฟสบุ๊คเพื่อข่มขู่กลุ่มลูกค้าที่ค้างค่ายาเสพติดให้เกิดความหวาดกลัว จนทำให้กลุ่มเครือข่ายสามารถขยายฐานลูกค้ายาเสพติดได้อย่างรวดเร็ว
2.เครือข่าย แฝดนรกคิสเนอร์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.2, กก.สส.ภ1,สำนักงาน ป.ป.ส.ภ.1, และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามยาเสพติดได้ร่วมกันระดมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง รวม 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมนายพงศกร นายภูวิศ นายวิทย์ถะมน น.ส.ศิริลักษณ์ ได้ตามหมายจับ สำหรับนายศุภชัย หรือมิก ถึงแก่ความตายไปก่อนหน้านี้ ส่วนนายชัยวุฒิ หรือแม๊ก และนายธงชัย หลบหนี ซึ่งจากการสืบสวนติดตามเชื่อว่า หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านตรงข้ามอ.แม่สาย จ.เชียงราย ของไทย ต่อมาพนักงานสอบสวน ชุดวิเคราะห์ข้อมูลฯ และฝ่ายสืบสวน บก.ปส.2 ยังคงดำรงการสืบสวนและขยายผลทราบว่ากลุ่มเครือข่ายนี้ใช้วิธีให้นอมินีเปิดบัญชีแทน และใช้บุคคลในเครือข่ายตีสนิท บุคคลใกล้ชิดทั้งสิ้น มีการอำพรางใส่ชื่อคนอื่นเพื่อปิดบังกรรมสิทธิ์ เจ้าของ ที่แท้จริง ซึ่งการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายธงชัยหรือธง ผณินทร พร้อมพวกทั้งหมด 8 ราย
3.เครือข่าย “จูน บ่อ ดิน” ซึ่งเป็นเป้าหมายในแผนการปฏิบัติการ POISON TREE หรือแผนปฏิบัติการ “ต้นไม้พิษ” ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายที่มีความสัมพันธ์ในลักษณะโครงข่ายการโอนเงินที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2560 บก.ปส.4 มีการจับกุม น.ส.ดิสรัตน์ หรือดรีม โชคกิจ (ผู้ต้องหาที่ 1) และน.ส.พัทธมนหรือนุ๊ก ดีอ้น (ผู้ต้องหาที่ 2) พร้อมของกลางยาบ้า ประมาณ 120,000 เม็ด และได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม โดยตรวจสอบความเชื่อมโยงทางบัญชีเงิน จนนำมาซึ่งการออกแผนปฏิบัติการในครั้งนี้
นอกจากนี้ยังมีผลการจับกุมของทางบก.ปส.3 จำนวน 2 คดีได้ผู้ต้องหาทั้งหมด 7 ราย พร้อมของกลาง บาไอซ์ 32 กิโลกรัม รถยนต์ 5 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง โดยจะนำส่งบช.ปส.ดำเนินการต่อไป
โดยพลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า แม้ปฏิบัติการขุดรากถอนโคลนขบวนยาเสพติดครั้งนี้จะมีสิทธิภาพที่ดีมีผลจับกุมที่น่าชื่นชม แต่ตำรวจจะยังคงเดินหน้ากวาดล้าง โดยเฉพาะขบวนการค้ายาเสพติดที่หันมาใช้โซเชียลเป็นช่องทางจำหน่าย ซึ่งหลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกับกสทช. ในการวางมาตราป้องกัน ส่วนกรณีการจับกุม นายเดชอุดม แสงสายทิม น้องชายของนางสาววิภากร ศุขพิมาย อดีตภรรยา เสกโลโซ นักร้องชื่อดัง พลตำรวจโทสมหมาย ระบุว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเสพยาเสพติดจริง และอยู่ในฐานะผู้ป่วย ส่วนประเด็นอื่นยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน รวมถึงจะมีความเกี่ยวพันถึงนางสาววิภากร พี่สาว หรือเสกโลโซ ในเรื่องประเด็นยาเสพติดหรือไม่ในชั้นนี้ยังไม่มีข้อมูล