- 14 ก.ย. 2561
ความผิดผมเอง "ทนายตั้ม"เฉลยเองเป็นหมาป่า ท้า"อัจฉริยะ"เปิดคลิปข่มเหง"กระต่ายสาว"อย่าตัดต่อ
สืบเนื่องจากกรณีที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โพสต์ข้อมูลถึงทนายรายหนึ่ง คล้ายไม่พอใจการรับทำคดีของทนายรายนี้ ที่รับทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่ในเวลาต่อมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะคล้ายตอบโต้ทันที จนกลายเป็นประเด็นโต้แย้ง ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” โดยเป็นเรื่องราวที่ระบายความในใจ ยอมรับมีเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างแต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันมีคู่ชีวิตเป็นตัวเป็นตนแล้ว และหวังว่ากิ๊กสาวจะไม่เอาคลิปมาเป็นประเด็นอะไร
ข้อความดังกล่าวระบุว่า “เรื่องหมาป่ากับกระต่าย ขอยอมรับว่าได้มีความรู้สึกดีกว่าที่ควรจะเป็นจริง ๆ แต่ไม่มีอะไรเกินเลยถึงขั้นมีอะไรกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วตั้งแต่มีคนเริ่มรู้จักผม ยอมรับว่ามีกระต่ายเข้ามาในชีวิตเยอะ มีเขวบ้าง คิดได้บ้าง คึกคะนองบ้าง แต่ท้ายที่สุดผมก็รู้สึกผิดและรับสารภาพกับพญาราชสีห์ไปตั้งนานแล้ว และสัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก อย่าถามว่ากระต่ายคือใครนะครับสงสารน้องเค้า จบที่ผม เป็นความผิดของผมเองครับ”
ทั้งนี้ “ทนายตั้ม” ได้มีการชี้แจงผ่านคอมเมนต์ในโพสต์ดังกล่าวหลายข้อความระบว่า “ผมโดนแอบถ่ายคลิปจริงครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้มาก่อน แต่อย่างที่บอก ไม่มีอะไรกัน เพราะหากมีรับรองว่าไปอยู่ในเวปโป๊แน่นอน ส่วนเค้าจะเผยแพร่อะไรขอให้นำคลิปเต็มมาลง อย่าตัดต่อ จะได้รู้ว่าใครทำอะไรกะใครที่ไหนอย่างไร”
“จริง ๆ ผมไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาโพสต์ในเพจนะครับ แต่บางครั้งต้องชี้แจง ผมไม่ใช่เทวดาลอยมาจากสวรรค์ ก็เป็นมนุษย์คนนึงเหมือนทุกคนนี่แหละ เรามาโฟกัสงานกันดีกว่าเนอะ”
“ขออนุญาตลบภาพเมื่อกี้ออกดีกว่าครับ มันเป็นแชทที่พี่คุยกันส่วนตัว ผมดูไร้มารยาทมาก ต้องขออภัยพี่ด้วย เรื่องทนายคนเก่าคนนั้น เค้าคงโกรธแค้นผม ที่เค้าไม่ได้ทำคดีนี้ ก็อาจจะไปใส่ไข่เติมเชื้อไฟให้พี่เข้าใจผมผิด ผมเข้าใจพี่ครับประเด็นนี้ เมื่อก่อนผมยอมรับบางครั้งผมเหิมเกริม กิริยาอาจจะดูก้าวร้าว ทำให้ทนายผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านไม่สบายใจ ผมพร้อมปรับปรุง ให้มีวุฒิภาวะสมกับเป็นทนายที่ดีมากขึ้นครับ ขอบคุณพี่ชูชาติ และพี่ๆ ทนายทุกคนที่ติติง ไม่ให้ผมเหลิง และหลงตัวเองมากไปกว่านี้ครับ”
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เพจเฟซบุ๊ก "ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม" ได้มีการโพสต์ภาพหมาป่าที่คาบกระต่ายตัวน้อยไว้ในปาก พร้อมระบุข้อความว่า...จะว่าไปเราก็ไม่ได้เล่านิทานให้ฟังนานแล้ว นับตั้งแต่เรื่องสุกรกับชะนีเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา วันนี้ว่าง ๆ และรู้สึกผ่อนคลายจากการทำหน้าที่พลเมืองดี ก็เลยอยากจะมาเล่านิทานสอนใจให้ฟังกันสักหน่อย บอกไว้เลยตอนนี้ว่า นิทานเรื่องนี้ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ไม่ได้พาดพิงใคร เป็นเรื่องสมมติขึ้นมา ส่วนใครจะคิดเป็นอื่น ก็เป็นเรื่องของดุลพินิจของผู้นั้น
นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า หมาป่าเจ้าเล่ห์ผู้ทรงอิทธิพลตัวหนึ่งได้ทดลองใช้คาถาที่ได้ร่ำเรียนมาจากครอบครัว ร่ายมนตร์อำพรางต่อผู้อื่นให้ดูเหมือนว่าตัวเองเป็นหมาป่าที่ดี เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าป่า และด้วยมนตร์นั้นก็ทำให้สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายหลงเชื่อ เชิดชูหมาป่าตัวนี้ว่าเป็นหมาป่าที่ยิ่งใหญ่ มีคุณธรรม ประพฤติตัวดีเป็นแบบอย่างของสังคม
แต่มนตร์ของสัตว์เอง ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์ เมื่อไรก็ตามที่ประพฤติชั่ว หรือแสดงสันดานที่แท้จริงของตัวเองออกมา มนต์นั้นก็จะเสื่อมจนทำให้ความจริงปรากฎ หมาป่าตัวนี้มีลูกเมียอยู่แล้ว แต่ความต้องการในการประกาศศักดาความเป็นเพศผู้ของเจ้าหมาป่ายังไม่หมด จึงได้ไปหลอกลวงกระต่ายน้อยตัวหนึ่งว่า ตัวเองเป็นหมาป่าผู้แสนดีที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ และที่ดียิ่งขึ้นไปอีกคือยังไม่มีพันธะใด ๆ ทั้งสิ้น อยากจะได้กระต่ายมาครองคู่ด้วย ด้านกระต่ายน้อยไม่รู้ความจริงก็กำลังสองจิตสองใจ ยังไม่รู้จะรับไมตรีไว้ดีมั้ย เพราะที่ผ่านมาที่กระต่ายน้อยทำงานให้หมาป่า ก็ยังไม่เคยเห็นครอบครัวของหมาป่าจริง ๆ และเราจะพักโฆษณาไว้สักครู่ก่อน
ระหว่างที่กระต่ายยังลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงดี หมาป่าก็ได้เผยสัญชาตญาณของตัวเองออกมาในวันที่หมาป่าไปหากระต่ายที่บ้าน แล้ววันนั้นไม่มีใครอยู่เลย หมาป่าได้ใช้กำลังจะบังคับข่มเหงกระต่าย ซึ่งทุกอย่างถูกบันทึกไว้ภายใต้ "กล้องวงจรปิด" วันนั้นกระต่ายโชคดีที่รอดออกมาได้ แต่ก็ขวัญเสียมาจนถึงทุกวันนี้ และจากการกระทำอันชั่วร้ายนี้เองที่ทำให้มนตร์คาถาฉาบหน้าว่าเป็นคนดีของหมาป่าได้หลุดไป เปรียบเหมือนทองชุบที่ค่อย ๆ ลอกออกไปตามกาลเวลา
บทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ก็จะขอหยิบมาเล่าให้ฟังในครั้งหน้า ในโอกาสต่อไป
และอีกหนึ่งโพสต์ระบุว่า อันนี้เรามาคุยกันก่อนว่า นิทานที่เล่า เป็นสิ่งที่ทางทีมงานตัดสินใจทำเอง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณอัจฉริยะแต่อย่างใด ซึ่งเราก็ยินดีเป็นอย่างมากที่นิทานเรื่องนี้ได้รับความนิยม เราได้บอกไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่า ไม่ได้พาดพิงใคร ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมติ สัตว์น้อยใหญ่ไม่ได้มีตัวตนจริง ถ้าหากจะมีก็เป็นเรื่องของดุลพินิจผู้อ่านทั้งนั้น
แต่แล้วหลังไมค์ก็เข้ามาจนอ่านไม่หวาดไม่ไหว ว่ามีผู้ออกมายอมรับว่าตัวเองคือหมาป่า จะว่าไปแล้วก็ยังงง ๆ เพราะเล่าในช่วงครึ้มอกครึ้มใจ ประหนึ่งเล่าสู่กันฟังในวงเหล้า ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องจริงไปได้ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่ได้พูดถึงใคร แต่จะมาเล่าภาคต่อให้ฟัง จะได้ไม่คาใจกันในคืนนี้
เรื่องของ "กล้องวงจรปิด" ที่ว่านั้น เป็นในลักษณะของการล็อกแขนลากไป มีวันที่ เวลา และสถานที่ระบุไว้พร้อม เพราะฉะนั้นหากหมาป่าจะอ้างว่าเป็นคลิปถูกแอบถ่าย มันก็จะยังไงอยู่
สรุปแล้วนิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่อยากจะบอกกับผู้อ่านทุกคนว่า การคุกคามทางเพศ (sexual harassment) จัดเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง และการบังคับขู่เข็ญโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม ก็ถือว่าเข้าข่ายอาชญากรรมเช่นกัน สังคมคงจะวิบัติไม่น้อย ถ้าเรามองว่าเรื่องนี้เป็น "เรื่องส่วนตัว" จนไม่สามารถเอามาเขียนเป็นนิทานเตือนใจกันได้
ข้อคิดส่งท้าย คือชมรมฯ สนับสนุนให้ผู้หญิง ที่เปรียบเสมือนกระต่ายป่า จงลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง อย่าเห็นแก่ความหล่อ รวย หรือมีชื่อเสียงของใคร หากถูกคุกคามทางเพศก็ขอให้ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ และถ้าหากถูกบังคับขู่เข็ญใด ๆ ก็ตาม จงใช้สิทธิทางกฎหมายของตัวเอง อย่าให้ความอายทำให้ผู้กระทำความผิดได้ใจ กฎหมายจะมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้กระทำความผิดทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดี ถ้าทุกคนรักษาสิทธิ์ตัวเอง