- 11 ต.ค. 2561
ถึงคิว"ลุงกำนัน" เปิดหมด ค่าบำรุงพรรควันละ 1บ. ลั่น ถูกต้องตามกฎหมาย !
สืบเนื่องจากกรณีที่ พรรค “อนาคตใหม่” เปิดรับบริจาคเงิน-ระดมทุน โดยคาดหวังว่า ต้องการใช้เงิน 300 ล้านบาทในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต่อมาได้มีการเปิดเผยจาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้แจ้งในกลุ่มไลน์พรรคอนาคตใหม่ว่า ทางพรรคอนาคตใหม่ได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ห้ามพรรครับบริจาคเงิน เนื่องจากถือเป็นกิจกรรมทางการเมือง ขัดคำสั่งคสช. ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่จะมีการแถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวในช่วงเย็นวันเดียวกัน
ต่อมาทางด้านนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า กรณีพรรคการเมืองรับบริจาคเงินนั้น มีการห้ามไว้ในประกาศ คสช.ที่ 57/2557เรื่องให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับมีผลใช้บังคับต่อไป ซึ่งในครั้งนั้น กกต.ได้มีการออกหนังสือเวียนแจ้งให้พรรคการเมืองทราบว่าให้รับเงินบริจาคได้แค่จากกรรมการบริหารพรรค ในจำนวนเงินเท่าที่จำเป็นที่จะต้องใช้จ่าย ซึ่งเป็นการบังคับใช้กับพรรคการเมืองเดิมแต่ก็ใช้กับพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่เช่นกัน และขณะนี้แม้จะมี พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 แล้ว แต่ประกาศดังกล่าวก็ยังมีผลใช้บังคับอยู่ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่และอาจไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว จึงไม่ทราบการดำเนินการเกี่ยวกับการรับเงินบริจาค
ต่อมาได้มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้จัดทำพร้อมเผยแพร่ภาพกราฟฟิก โดยได้นำเหตุการณ์ดังกล่าว มาเปรียบเทียบกัน ระหว่างพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดย มีภาพของ นายสุเทพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมข้อความ “ขอคนละ1บาทสนับสนุนพรร รปช.” และภาพของ นายธนาธน จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมข้อความ “กกต.ห้ามพรรคอนาคตใหม่รับบริจาคเงิน” จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง
ล่าสุดเป็นทางด้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่า เป็นการบิดเบือนความจริง เพราะไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ เนื่องจากรปช.ได้แจ้งสมาชิกชัดเจนว่าให้มาร่วมเป็นเจ้าของพรรคด้วยการจ่ายค่าบำรุงพรรควันละ 1 บาท ปีละ 365 บาท ซึ่งจะแพงกว่าพรรคการเมืองอื่นที่เก็บ 50 บาท เพราะเราไม่ต้องการพึ่งพาเงินจากแหล่งอื่นจะได้ไม่ต้องติดหนี้บุญคุณใคร เป็นคนละเรื่องกับการขอรับบริจาคของพรรคอนาคตใหม่ เพราะรปช.ไม่ได้รับบริจาคเงินจากใครเลย เงินที่มีในบัญชีคือ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคลงขันคนละ 5 หมื่นบาท มีประมาณ 611 คน และสมาชิกจ่ายค่าบำรุง 365 บาทเท่านั้น เป็นค่าบำรุงพรรคที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าจะเก็บจำนวนมากกว่าพรรคอื่นก็ไม่ใช่การระดมทุน เพราะพรรคมีสิทธิออกข้อบังคับพรรคว่าสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงปีละเท่าไหร่ แต่กฎหมายกำหนดขั้นต่ำไว้ที่ 100 บาท ก่อนที่จะมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 มาผ่อนผันให้เสีย 50 บาทในครั้งนี้
"จึงขอยืนยันว่าพรรคปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีเรื่องที่ กกต.จะมาเข้าข้างพรรคเหมือนที่มีการกล่าวหา พร้อมกับยืนยันว่าพรรคไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับขั้วอำนาจของคสช. จึงอย่าเหมารวมว่าเราจะเป็นพวกเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือพวกใคร เพราะเราจะยึดแนวทางการปฏิรูปประเทศตามแนวทางของประชาชน หากยอมรับเงื่อนไขของเราก็ยินดีจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้ เนื่องจากเราไม่ได้อยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เป็นลูกน้องใคร เราเป็นพรรคของประชาชนต้องถามประชาชนว่าจะเอาใครและจะทำอย่างไร"
นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่มีการร้องเรียนไปยัง กกต.เกี่ยวกับการลงพื้นที่ ว่าเข้าข่ายการหาเสียงว่า การลงพื้นที่ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นการหาเสียงแต่ไปในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อพูดคุยกับประชาชนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ และบอกกับประชาชนว่าการปฏิรูปยากทีจะสำเร็จเพราะมีคนต่อต้านไม่อยากเปลี่ยนแปลง หากหวังพรรคการเมือง นักการเมือง ก็จะเห็นว่าบางพรรคประกาศแล้วว่าถ้ามีการเลือกตั้งจะฉีกรัฐธรรมนูญ เรื่องการปฏิรูปประเทศที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญจะถูกยกเลิกไปด้วย.