- 04 พ.ย. 2561
เตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองสำรอง รองรับหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค หนึ่งในจำนวนพรรคสำรองที่ว่าคือ "พรรคไทยรักษาชาติ" (ทษช.) พร้อมผลักดัน "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรค และ "น.ต.ศิธา ทิวารี" เป็นเลขาธิการพรรค
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นทีน่าสนใจเนื่องจากรายงานจากมีการพูดคุยกันอย่างหนาหูภายในวงแคบ ถึงการเตรียมจัดตั้งพรรคการเมืองสำรอง รองรับหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค หนึ่งในจำนวนพรรคสำรองที่ว่าคือ "พรรคไทยรักษาชาติ" (ทษช.) ซึ่งพรรคนี้ถูกจุดประเด็นโดย "พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร" อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อกระจายเครือข่ายให้มาร่วมงานทางการเมือง โดยพรรคไทยรักษาชาติ จะเข้ามาในรูปแบบของการหยิบเอาชื่อพรรคหนึ่งในจำนวนพรรคที่เคยจดจัดตั้งไว้กับทางกกต.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มา แล้วดำเนินการทำเรื่องขอเปลื่ยนชื่อพรรค ไม่ใช่การขอตั้งจดทะเบียนพรรคใหม่แต่อย่างใด โดยจะมี "นายปานปรีย์ พหิทธานุกร" เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมผลักดัน "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรค และ "น.ต.ศิธา ทิวารี" เป็นเลขาธิการพรรค
หล่งข่าวระบุว่า สำหรับพรรค "ไทยรักษาชาติ" ซึ่งใช้ชื่อย่อ “ทษช.” ให้สอดคล้องกับชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือเป็นการต่อสู้กับ “คสช.” หรือให้ง่ายต่อการหาเสียงกับประชาชน นั้นยังถูกพูดกันเพียงในวงแคบๆ ยังไม่มีแกนนำพรรคและสมาชิกพรรคออกมาขานรับแนวทางพรรคนี้ อีกทั้งการไปเผยแนวทางที่จะเทคโอเวอร์พรรคอื่นมาเพื่อหวังเป็นนอมินี สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ยิ่งจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามจับตาต่อวัตถุประสงค์ในการทำการเมืองเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของพรรคเพื่อไทย(พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ยืนยันว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" ไม่ได้เข้ามามีส่วนในพรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณพูดไว้ชัดเจนว่า "ไม่คิดหวนกลับมาเล่นการเมืองอีก ส่วนผู้ลงสมัคร ส.ส. นายทักษิณก็ไม่มีส่วนเลือก เพราะขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ที่จะตั้งกรรมการสรรหาขึ้นมา ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย การเลือกหัวหน้าพรรคก็ไม่มีใครชี้นำ เพียงแต่ไม่มีโอกาสไปหาเสียงเท่านั้น"
ส่วนทางด้านของ "นายพานทองแท้ ชินวัตร" หรือ"โอ้ค" บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งถือว่าเป็นการลงเล่นการเมืองครั้งแรก โดยมีบางกระแสออกมาว่า “พ่อดัน” ล่าสุด"โอ๊ค พานทองแท้" ได้แสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊คส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra เรื่องข่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ปฏิเสธว่า ยังไงๆก็ "ไม่มีวันนี้เพราะพ่อให้" ในการไปลง ส.ส. "พานทองแท้" ก็ขอปฏิเสธว่า "ไม่มีวันนี้เพราะพ่อให้" ในการลงส.ส.เช่นเดียวกัน และที่สำคัญก็คือ "พ่อผมไม่เคยเชียร์ แม่ผมไม่เคยผลักดัน ตัวผมเองไม่เคยชอบการเมืองเลย แม้แต่นิดเดียว" โดยจะมีแต่ทีมงานที่คอยสนับสนุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของการตกบันไดพลอยโจร”
จากที่ผ่านมาเราจะรู้จักโอ๊คกันดีในฐานะลูกชายของอดีตนายก และบางพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยง รวมถึงคดีฟอกเงินที่ยังค้างคาไม่จบสิ้น และยังชอบแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยจะวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและโจมตีต่อต้าน และพูดจาเสียดสีการทำงานของคสช. อย่างเสียหาย เป็นไปได้ว่าประชาชนบางกลุ่มจึงอยากรู้ว่าเมื่อตนเองชนะการเลือกตั้งแล้วจะสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือแสดงความคิดเห็นไว้ได้จริงหรือเปล่าก็ต้องรอดูต่อไป
อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองหน้าตาแบบไหน ใครที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทย จะยังคงเลือกพรรคเพื่อไทยต่อ หรือจะเปลื่ยนไปเลือกพรรคการเมืองใหม่แทน และปัญหาอีกประการ คือ ตำแหน่งจากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญทางสนามการเมืองที่ยังไม่คุ้นเคยนัก ซึ่งอาจจะไม่สามารถเข้าถึงคนที่เคยถือตนเป็นคนของพรรคเดิมได้ แต่เมื่อต้องเข้าถึงคนทุกกลุ่มก็อาจเกิดปัญหาทางแพร่งอีกโดยเฉพาะสูญเสียอัตลักษณ์ในการเป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ จึงเป็นเรื่องยากที่พรรคใหม่จะสามารถได้เสียงข้างมากได้เท่าเก่าพรรคเก่าที่มีฐานเสียงเยอะกว่า โดยความขัดแย้งทางชนชั้นผ่านพรรคการเมืองรุ่นใหม่ขัดกับพรรคการเมืองชนชั้นนำเก่าในวัฒนธรรมไทยเกิดขึ้นได้ยากเพราะเป็นสังคมที่ประนีประนอมมาตลอด โดยพรรคการเมืองที่ผ่านมามักผูกมิตรกับพรรคการเมืองเก่า เพื่อสร้างพวกในการเพิ่มฐานเสียงกลุ่มเดิมหากไม่เช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคน้องใหม่จะเข้าถึงสนามเลือกตั้งทั้งในเขตกรุงเทพปริมณฑลและในต่างจังหวัด ถึงอย่างไรก็ตามภายใต้ความเสี่ยงย่อมเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่พรรคการเมืองไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ต่างต้องรับมือให้ได้ซึ่งเป็นสีสันของประชาธิปไตยที่ต้องกล้าได้กล้าเสี่ยง อย่างน้อยพรรคน้องใหม่ได้กลายเป็นทางเลือกและความหวังใหม่ให้กับการเมืองประเทศไทย ...