- 15 พ.ย. 2561
รพ.พระราม2 ขู่ฟ้องสื่อ-โซเชียลบิดเบือนทำเสียชื่อ "อัจฉริยะ" สวนกลับเดือด
จากกรณีเหตุการณ์ที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาครอบครัว น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ที่ถูกนายคำตัน สามีเอาน้ำกรดสาดที่ใบหน้ามาจากสาเหตุความหึงหวง แล้วได้หลบหนีไปนั้น
ซึ่งเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 โดยนส.ช่อลัดดา ต้องทนพิษบาดแผลให้ ลูกสาววัย 12 ปี พามาทำการรักษายังร.พ.บางมด แต่โชเฟอร์เห็นว่าอาการหนัก จึงนำตัวส่งรักษาร.พ.พระราม 2 แทน ต่อมากลับถูกทางร.พ. ปฏิเสธการรักษา โดยให้ผู้ป่วยให้ขึ้นแท็กซี่ไปรักษาตัวที่รพ.อื่น จนสุดท้ายน.ส.ช่อลัดดา เสียชีวิตในระหว่างทางเดินทางบนรถแท็กซี่นั้น
โดยก่อนหน้านี้นายอัจฉริยะ ได้ไลฟ์สดผ่านทางเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงตอบโต้ข้อมูลของโรงพยาบาลพระราม 2 ว่าไม่เป็นความจริง และจะเปิดข้อมูลเชิงลึกของรพ.แห่งนี้และอื่นๆ ระบุว่า ปิดบัญชีโรงพยาบาลพระราม 2 และได้เล่าถึงนาทีที่โชเฟอร์แท็กซี่ไปเจอน.ส.ช่อลัดดา และนำส่งโรงพยาบาลบางมด โดยการพูดคุยกับโชเฟอร์แท็กซี่ ว่าคุณช่อลัดดาโดนสามีสาดน้ำกรดใส่ ตั้งแต่หัวจนถึงลำตัว และมีน้ำกรดบางส่วนเข้าไปทางรูจมูก ซึมทะลุหลอดลมและปอด จนมีอาการหนัก พี่แท็กซี่เห็นอาการไม่ดีจึงอยากไปส่งที่โรงพยาบาลใกล้ที่สุด
จึงเดินทางไปรพ.พระราม 2 แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีเจ้าหน้าที่ด้านหน้า พร้อมยืนยันว่าไม่มีหมออยู่เวรในตอนนั้น อีกทั้งจากการตรวจสอบไม่ได้มีประสานไปยังรพ.บางมดตามที่ทางรพ.พระราม 2 ได้ชี้แจงตั้งแต่ต้น แถมขณะนั้นมีรถพยาบาลจอดอยู่ 2 คันก็ไม่ได้ไปส่ง โดยเจ้าหน้าที่เวรเปลยอมรับไม่มีหมออยู่ในที่เกิดเหตุ มีเพียงพยาบาลที่ทำแผลเบื้องต้นให้ แล้วให้คนเจ็บขึ้นแท็กซี่ไปแบบหมดสภาพ ไม่มีเรี่ยวแรงเดิน ที่คนหัวหงอกบอกว่า คุณช่อลัดดาเดินไปขึ้นแท็กซี่ได้ ไม่จริง มีภาพยืนยันได้ และกำลังใช้เป็นหลักฐาน มีผู้ชายเวรเปล และผู้หญิงใส่กระโปรงสีฟ้า ผู้ช่วยพยาบาล พาน้องเตเต้และแม่เขาไปส่งที่รถแท็กซี่ เปิดประตูให้คนเจ็บนั่งข้างหลัง แล้วให้ลูกสาวนั่งหน้ากับคนขับแท็กซี่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โดนแล้ว!สบส.สั่งปิดตึกผู้ป่วยนอก รพ.พระราม 2 พร้อมลุย 3 มาตรการเข้มโยงต้นเหตุ "ช่อลัดดา" เสียชีวิต
อีกทั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2561 ที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายประเสริฐ ฉวีอินทร์ ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน เพื่อขอให้ตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้างดัดแปลงอาคาร ตรวจสอบอาคาร และใบอนุญาตเปิดใช้อาคารของโรงพยาบาลพระราม 2 โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.57 โรงพยาบาลพระราม 2 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้และมีผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย ทำให้ทางด้านนพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกคำสั่งปิดอาคารส่วนผู้ป่วยนอก ของรพ.พระราม 2 และสั่งให้แก้ไขผ่านในเวลา 15 วัน
ล่าสุดทางด้านพญ.วัลลภา ไชยมโนวงศ์ ผอ.โรงพยาบาลพระราม 2 พร้อมด้วย นายสุรพัศ ประภาพร ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากโรงพยาบาลพระราม 2 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง ถึงกรณีที่โรงพยาบาถูกกล่าวหาว่าปฏิเสธรักษาหญิงสาวที่ถูกสามีใช้น้ำกรดสาดก่อนจะเสียชีวิตลง
นายสุรพัศ กล่าวว่า ตนในฐานะทนายได้ติดตามข่าวสารทั้งข่าวหลักและทางโซเชียล ซึ่งพบว่าเป็นการให้ข่าวสารที่ผิดและบิดเบือน ทำให้โรงพยาบาลพระราม 2 เสื่อมเสียชื่อเสียง
หลังจากนี้จะทำการตรวจสอบข้อมูลหากพบว่ามีการนำเสนอข่าวที่บิดเบือนและไม่ตรงข้อเท็จจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนประเด็นการชี้แจงเรื่องข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าโรงพยาบาลมีแพทย์ประจำเวร ได้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้มอบพยานหลักฐานทั้งหมดในวันเกิดเหตุด้วย หลังจากนี้ขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบข้อมูลก่อนจะมีนำเสนอ และขอให้รอผลตรวจสอบ จากคณะกรรมการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ 19 พ.ย.นี้
ขณะที่ทางด้านนายอัจฉริยะ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ในเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เห็นทนายความออกมาขู่สื่อแล้วก็เศร้าใจ กล่าวหาสื่อว่าบิดเบือน อยากบอกตรงนี้เลยว่ากูไม่กลัวมึง จะขุดทุกรูปแบบตามกฎหมาย แล้วอย่ามาร้องนะ ครั้งที่แล้วตบโต๊ะไม่เป็นไร แต่ครั้งนี้รอดูว่าใครแน่กว่ากัน ยังมีหลักฐานในมืออีกเยอะ ขอยืนยันเลยว่าไม่มีหมอตรวจ มีแต่หมอผีเพราะหายไปหาไม่เจอ บอกอยู่ในห้องน้ำนานครึ่งชม. คนพูดจริง จะพูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิม แต่คนโกหกพูดกี่ครั้งก็ต้องโกหกทุกครั้ง เมื่อไรจะเลิกแถสักทีนะ?" ทำให้โลกโซเชียลต่างจับตาดุเดือดอีกครั้ง ว่าคดีนี้จะจบอย่างไร ซึ่งหลายคนเชื่อเทใจเชื่อในสิ่งที่นายอัจฉริยะพูด และมีหลักฐานที่ชี้แจงได้
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม