- 28 พ.ย. 2561
หนุ่มใต้โดนชายฉกรรจ์รุมทำร้ายยึดรถต่อหน้าลูกเมีย เร่งหาเงินได้ใกล้คืนไม่น่าต้องทำแรง
กลายเป็นกรณีที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่กลุ่มชายกลุ่มหนึ่งอ้างว่าตัวเองมาจากบริษัทไฟแนนซ์ โดยมีการรุมทำร้ายร่างกายพากันรุมล็อคคอ และกระชากตัวชายเจ้าของรถให้ลงจากรถ โดยภรรยาของชายเจ้าของรถบันทึกคลิปเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยมีเฟซบุ๊กชื่อ Watcharin Detsri โพสต์คลิปเป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ 7-8 คน อ้างว่าเป็นพนักงานจากบริษัทไฟแนนซ์ รุมทำร้าย ต่อหน้าภรรยา แม่ และลูกวัย 1 ขวบ เพื่อที่จะยึดรถ ซึ่งชายเหล่านั้นได้พากันรุมล็อกคอ และกระชากตัวชายเจ้าของรถให้ลงจากรถ โดยภรรยาของชายเจ้าของรถ บันทึกคลิปเหตุการณ์ไว้ตลอด
ต่อมา นายวัชรินทร์ เดชศรี อายุ 34 ปี (ผู้เสียหาย) ทำอาชีพทำสวน ใน ต.เขาเขน อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ตอนนั้นตนขับรถกระบะ สีขาว พาภรรยา แม่และลูกชายวัย 1 ขวบเศษ มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองกระบี่ แต่ขณะที่กำลังขับรถมาจอดที่ลานจอดรถนั้น ได้มีรถยนต์มาจอดปิดหัวปิดท้ายล้อมรอบรถตน ประมาณ 4 คันได้
(ทวงหนี้โหด)
จากนั้นมีกลุ่มชายฉกรรจ์ ลงมาล้อมรถตนไว้ ตอนนั้นก้ไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร หลังจากนั้นก็ได้มีปากเสียงกัน และชายคนหนึ่งในกลุ่มก็บอกว่าจะมายึดรถ และได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดจาต่อว่าตน บอกว่าตนหาเรื่องลูกน้องของเขา พร้อมทั้งผลักตน ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนอย่างทีได้เห็นในคลิป โดยมีคนเข้ามาล็อกคอแล้วแย่งดึงกุญแจรถไป และรุมทำร้ายร่างกาย ตนรู้สึกว่ามีมือมาชกเข้าที่ใบหน้า 2-3 ครั้ง จนตนได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าวก็กระจายกันออกไป พร้อมยึดกุญแจรถของตนไปด้วย ท่ามกลางความตกใจของคนในครอบครัว จากนั้นก็ได้แจ้งญาติก็ได้ช่วยกันนำตัวตนส่งโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นรักษาตัวอยู่หลายวัน คลอเคล็ดและมีรอยฟกช้ำตามตัว
(มาแย่งกุญแจรถ)
(ล็อคคอแล้ว)
(ล็อคคอแล้ว ลูกก็ร้องไห้)
หลังออกจากโรงพยาบาล ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวก็ได้เอากุญแจมาคืนให้ และบอกว่าจะไม่ยึดรถตนแล้ว ให้เรื่องจบไปก่อน จบไม่ได้หรอก จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองกระบี่ จนถึงตอนนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า เพราะก่อนนี้มีคนเป็นนักการเมืองท้องถิ่น พยายามจะติดต่อมาเพื่อให้ตนถอนแจ้งความ
แต่ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าไม่ได้จ่ายเงินตรงเวลา เพราะเงินไม่เพียงพอจริงๆ ทำให้บริษัทฟ้องศาล และศาลสั่งให้ตนชำระยอดเงินที่ค้างอยู่ประมาณ 500,000 บาทเศษ หากไม่สามารถชำระได้ ก็ให้คืนรถให้ทางบริษัท หลังจากนั้นประมาณเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ตนก็พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยกับบริษัท เนื่องจากตนจำเป็นต้องใช้รถในการทำงาน
โดยรับปากว่าจะเร่งหาเงินมาจ่ายให้ทางบริษัทภายใน 3 เดือน ซึ่งตอนนี้ตนใกล้จะได้เงินครบแล้ว แต่ทำไมทางบริษัทไม่แจ้งให้ทราบก่อนว่าจะมายึดรถ ส่งพนักงานมาก็มาพูดจากันดีๆ แต่มาทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง มาทำร้ายกัน ป่าเถื่อน รุนแรง จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมอยากให้ตำรวจเร่งทำคดีนี้ให้สำเร็จโดยเร็วด้วย
(มาแล้ว)
(พูดคุยกันอยู่)
(เตรียมพุ่งเข้ามาเอากุญแจรถ)
Watcharin Detsri ทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์