- 06 ธ.ค. 2561
ใกล้บอกลาปี 2561 เข้าทุกขณะ รัฐบาลก็ได้จัดแจงเตรียม "ของขวัญ" มอบให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้ กับ "ช็อปช่วยชาติ" ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี นับเป็นสีสันส่งท้ายปี และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สรรหาของขวัญมอบให้แก่บุคคลผู้เป็นที่รัก
ใกล้บอกลาปี 2561 เข้าทุกขณะ รัฐบาลก็ได้จัดแจงเตรียม "ของขวัญ" มอบให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และที่ขาดไม่ได้ กับ "ช็อปช่วยชาติ" ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี นับเป็นสีสันส่งท้ายปี และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สรรหาของขวัญมอบให้แก่บุคคลผู้เป็นที่รัก
แต่ในปีนี้รายละเอียดของมาตรการจะต่างจากปีก่อนอยู่บ้าง คือ จะกำหนดเฉพาะสินค้าเป็นบางรายการ หรือบางกิจกรรมที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เท่านั้น อาทิ การซื้อยางล้อรถยนต์เพื่อให้มีการใช้ยางพารามากขึ้น อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการรอบด้าน
ซึ่งทางรัฐฯ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากปัจจุบันภาพรวมการบริโภคของไทยขยายตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการใช้จ่ายสำหรับสินค้าทั่วไปทั้งหมดเหมือนปีที่ผ่านๆ มา เพราะหากทำในรูปแบบเดิมอาจทำให้ประชาชนหยุดใช้จ่ายไม่เกิดเงินหมุนเวียน ขัดกับจุดประสงค์หลักที่ต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในเบื้องต้นคาดว่าใช้วงเงินน้อยกว่ามาตรการช็อปช่วยชาติครั้งที่ผ่านมา
ล่าสุด 6 ธ.ค. 2561 นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า ครม. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมเกษตร ชุมชน และทุนมนุษย์ หรือ "ช็อปช่วยชาติ" โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาที่ซื้อสินค้า 3 ประเภท คือ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) หนังสือ รวมทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (อี-บุ๊ค) และยางล้อรถยนต์ ยางล้อจักรยานยนต์ และยางล้อจักรยาน ในวงเงินที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ โดยเป็นการซื้อสินค้าตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 61 – 16 ม.ค. 62 ซึ่งหากใครซื้อสินค้าในปีไหนก็ให้นำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนในปีภาษีนั้น
สำหรับสินค้าโอทอป จะต้องเป็นสินค้าที่ได้รับการลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน โดยผู้ที่ซื้อสินค้าโอทอปสามารถเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดสินค้าโอทอปที่ลงทะเบียนกับกรมฯ ได้ผ่านทางเว็ปไซต์ของกรมฯ ที่สำคัญต้องมีหลักฐานในการซื้อสินค้าทั้งใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่ระบุว่ามาจากการซื้อสินค้าโอท็อป
ส่วนหนังสือประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งอี-บุ๊ค แต่จะไม่รวมนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ผู้ซื้อหนังสือต้องซื้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนเป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และต้องรอรับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจากร้านหนังสือมาเพื่อไปใช้ลดหย่อนภาษี เท่านั้น
มีข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจจาก สมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ที่ได้รับไฟเขียวให้เริ่มมาตรการช็อปช่วยชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ผู้จัดพิมพ์ฯ ผลักดันเรื่อง ซื้อหนังสือได้ลดหย่อนภาษี ในวงเงิน 15,000 บาท ได้สำเร็จ
สำหรับวิธีการขอลดหย่อนภาษีนั้นต้องใช้ "ใบเสร็จรับเงิน" โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ใบเสร็จรับเงินของสำนักพิมพ์หรือร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หัวใบเสร็จมีชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวของผู้เสียภาษีครบถ้วน
2. ใบเสร็จที่ออก ต้องระบุชื่อนามสกุล พร้อมเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อ ครบถ้วนชัดเจน
3. ใบเสร็จรับเงิน ออกโดยคอมพิวเตอร์ หากเป็นลายมือเขียนต้องเขียนให้ชัดเจน และมีข้อมูลครบถ้วน
4. รายการสินค้าที่ซื้อแล้วได้รับการลดหย่อนคือ หนังสือเล่ม อีบุ๊ค ยกเว้น หนังสือพิมพ์ และ นิตยสาร
สุดท้ายกับ ยางล้อรถยนต์ ยางล้อจักรยานยนต์ และยางล้อจักรยาน ซึ่งผู้ซื้อจะต้องซื้อยางล้อจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เป็นผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย ที่ได้ซื้อยางล้อดังกล่าวจากผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบจากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เท่านั้น โดยผู้ซื้อต้องขอใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปเช่นเดียวกัน พร้อมกับมีเอกสาร หรือหลักฐานของการซื้อวัตถุดิบจากกยท. ด้วย
"กยท.อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการช็อปช่วยชาติ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. 2561 เชื่อว่าในแง่ของการดำเนินการไม่น่าจะมีปัญหา ในเรื่องของการแจกคูปอง เพราะอาจไม่ต้องใช้คูปอง เนื่องจากยุคนี้แค่ยิงคิวอาร์โค้ดก็น่าจะใช้ได้" นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ ผู้ว่าการ กยท. กล่าว
ส่วนกรณีการต่ออายุลดหย่อนภาษีกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ขณะนี้สภาธุรกิจตลาดทุนยังไม่เสนอรายละเอียดมาให้พิจารณา ดังนั้น มาตรการลดหย่อนภาษีแอลทีเอฟสิ้นสุดในปี 2562 เหมือนเดิม