รองฯเนตร ยืนกรานลาออกป้ององค์กร อ้างสั่งไม่ฟ้อง บอส ยึดหลักฐาน เชื่อ 2 พยานสำนวนคดี

สืบเนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดได้เปิดเผยว่า นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถประมาทอันเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต่ออัยการสูงสุดเเล้ว

 

อ่านข่าว - เนตร นาคสุข รองอสส. สั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา ยื่นหนังสือลาออกราชการแล้ว
 

ล่าสุด นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด พร้อม นายสมัคร ชวภานันทน์ ทนายความประจำครอบครัวอยู่วิทยา และชุดสืบสวนคดี นายวรยุทธ ได้เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แล้ว ซึ่งมี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกรรมาธิการ

เบื้องต้น นายเนตร ชี้แจงว่า สำนวนคดีนี้มีถือว่าคำสั่งไม่ฟ้อง แต่ก็ยังสอบสวนได้ต่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 และหากได้พยานหลักฐานใหม่ที่สามารถให้ศาลลงโทษได้ ก็ส่งมาที่อัยการและพิจารณากลับคำสั่งได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมยกตัวอย่างว่า บางคดีมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องไปแล้ว พบหลักฐานใหม่ที่พอจะลงโทษผู้ต้องหาได้ก็ส่งมาที่อัยการ อัยการก็พิจารณากลับไปสั่งฟ้องได้ จากนั้นก็ดำเนินคดี

 

นอกจากนี้นายเนตร ยังชี้แจงอีกว่า การสั่งไม่ฟ้องในคดีดังกล่าว เป็นไปตามที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาทั้งหมด แต่ในส่วนของรายละเอียดที่ลงลึก จะต้องไปดูที่เอกสาร พร้อมย้ำว่า การสั่งคดีของตน เป็นไปตามกรอบของสำนวนของพนักงานสอบสวนที่งสิ้น ไม่มีข้อเท็จจริงนอกสำนวนคดี ส่วนดุลยพินิจในการสั่ง จะอยู่ในความเห็นและคำสั่งของตน ยืนยันว่า ตนลาออกจากอัยการจริง โดยยื่นหนังสือไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม สาเหตุที่ลาออก เนื่องจากตนเป็นผู้สั่งคดีนี้ สังคมก็กดดันองค์กร ดังนั้น เพื่อความสบายใจของทุกคน จึงขอลาออก และเพื่อรักษาภาพลักษณ์องค์กร เพราะเป็นอัยการมานาน 40 ปี

 

ทั้งนี้ นายเนตร ยังชี้แจงต่อกรรมาธิการกฎหมายฯ โดยยืนยันทำคดีนี้ด้วยความโปร่งใส ตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีการรับเงิน จึงพร้อมให้ ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พร้อมย้ำกับคณะกรรมาธิการฯ หากคดีนี้สอบสวนใหม่แล้วพบหลักฐานใหม่ สามารถรื้อคดีและเอาผิดนายบอสได้อีก

 

นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หลังสั่งไม่ฟ้องในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยาว่า ประเด็นที่มีความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ เนื่องจากพิจารณาทั้งสำนวน ทั้งนี้ การสั่งฟ้องครั้งแรก สั่งด้วยความเห็นของ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งมีความเห็นในบันทึกตรวจความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากมีการร้องขอความเป็นธรรม และสอบพยาน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ความเร็วรถกลายเป็นปัญหาสำคัญ 

ต่อมาผู้ให้ความเห็นคนเดิมให้การใหม่ โดยคิดวิธีคำนวนความเร็วใหม่ เหลือแค่ 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับพยานอื่นๆ ที่มีในสำนวนที่ให้ความเห็นว่า ความเร็ว 76 และมีพยานที่ได้จากการสอบสวน 2 ปาก ที่ระบุว่า ผู้ตายเปลี่ยนช่องทางเดินรถจากช่องซ้ายสุด ไปขวาสุด เมื่อพยานหลักฐานในสำนวนเป็นเช่นนี้ และความเร็วไม่เกินกฎหมาย จึงถือว่า หลักฐานที่ปรากฎในสำนวน ไม่เพียงพอที่จะฟ้องนายวรยุทธ ในความผิดฐานขับรถชน จึงสั่งไม่ฟ้อง ส่วนประเด็นเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ตามระเบียบของอัยการนั้น ไม่มีกำหนดว่าจะร้องกี่ครั้ง และเป็นสิทธิ์ของผู้ร้อง ทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหาร้องได้ แต่การร้องแต่ละครั้ง ต้องมีความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยส่วนตัวมองว่า พยาน 2 ปาก เชื่อถือได้

ภายหลังการชี้แจง รองอัยการสูงสุด นายเนตร นาคสุข ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนว่ารู้สึกกดดันหรือไม่ในการเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงในวันนี้ โดยกล่าวย้ำว่าได้ชี้แจงไปหมดแล้วและยืนยันว่าการดำเนินการสอบสวนและตรวจสอบสำนวนคดีของนายบอสเป็นไปตามกระบวนการ ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง กลับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดของนายนายวิชา มหาคุณ ส่วนหนังสือยื่นลาออกจากราชการที่ยื่นไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น นายเนตรกล่าวว่า ยังไม่ได้มีผลอย่างเป็นทางการ และยังไม่รู้ว่า สำนักงานอัยการสูงสุดจะอนุมัติหนังสือลาออกจากราชการของตนเองเมื่อไหร่