- 14 พ.ย. 2561
ตลาดหลักทรัพย์ปิดรอบวัน...ดิ่งหนัก! แนะแนวทางลงทุนทองคำ!
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ย. โดยปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีหน้า ขณะที่ระบุว่าจะขยายตัวเพียง 1.29 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 70,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว และเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ โอเปกคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศนอกโอเปกจะเพิ่มขึ้น 2.23 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรล/วัน จากตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด โดย น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสฯ ลดลง 4.24ดอลลาร์ ปิดที่ 55.69ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่ 16พ.ย.2017 เป็นการปิดลบ 12 วันติดต่อกันยาวนานสุุดตั้งแต่เริ่มสัญญาซื้อขายปี1983 เบรนต์ทะเลเหนือ ลอนดอน เข้าสู่ขาลงอย่างเป็นทางการ ลดลง 4.65 ดอลลาร์ ถือเป็นการขยับลงวันเดียวรุนแรงสุดตั้งแต่เดือนก.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากปธน.ทรัมป์ ซึ่งได้ทวีตข้อความเพื่อเรียกร้องซาอุดีอาระเบีย และโอเปกไม่ให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยกล่าวว่า "ราคาน้ำมันควรจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้เมื่อพิจารณาจากภาวะอุปทานน้ำมัน และหวังว่าซาอุดีอาระเบียและกลุ่มโอเปกจะไม่ปรับลดการผลิต"
ทั้งนี้ราคาทองคำ เช้าวันนี้ 14 พ.ย. 2561 ฟื้นตัวขึ้นเหนือระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังจากเมื่อวานราคาทรุดต่ำกว่าระดับดังกล่าว จากปัจจัยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ทองคำในประเทศเปิดตลาดคงที่ หลังจากเมื่อวานปรับลด 3 ครั้งติดรวม 150 บาท ซึ่งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าลง หลังจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงราว 7% รวมทั้งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งส่งผลเริ่มมีเเรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับเข้ามา
ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อทองคำในคืนวันนี้ จะมีรายงานข้อมูลเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของสหรัฐ ซึ่งตัวเลขคดการณ์จะขยายตัวขึ้น 0.3% จากเดือนก.ย.ที่ขยายตัว 0.1% ซึ่งจะส่งผลบวกต่อทองคำ ทำเงินบาทเริ่มกลับแข็งค่าขึ้นและเป็นปัจจัยลบต่อทองคำใน
โดยเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ 14 พ.ย. 2561 อยู่ที่ระดับ 32.91/93 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า ขึ้นจากเย็นวานนี้ 12 พ.ย. 2561 ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.04 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวาน เป็นผลจากเงินยูโรและเงินปอนด์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากการเจรจา Brexit ระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปเริ่มมีความคืบหน้า
ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ปิดเย็น (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561) ซึ่งปิดที่ระดับ 1,652.30 จุด ลดลง 7.48 จุด (-0.45%) มูลค่าการซื้อขาย 44,897.05 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,660.74 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,646.24 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 523 หลักทรัพย์ ลดลง 887 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 413 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ราคาทองคำปิดตัวเย็นนี้ (วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561) แกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,200.10-1,204.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,800 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,800 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ18 อยู่ที่ 18,870 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,890 บาท
ซึ่งทำให้ราคาทองคำในประเทศได้รับผลกระทบจากความผัวผวนของค่าเงินบาท โดยระหว่างวัน ค่าบาทต่อดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับ 32.72 บาท โดยล่าสุดผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินไทย (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% โดยมีมติ 4:3 เสียงคงดอกเบี้ย 1.50% ซึ่งคณะกรรมการ 3 ท่านสนับสนุนเห็นควรให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.5% เป็น 1.75% ตามคาด (การประชุมครั้งก่อนมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง)
แต่อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทลดการแข็งค่าลง เมื่อกนง. มีมุมมองต่อการส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้นทุนการผลิตลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าในอดีต นักลงทุนจึงคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของกนง. อาจยังคงไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น ทั้งนี้ราคาทองคำตลาดโลกมีการเคลื่อนไหวในกรอบที่ค่อยๆอ่อนตัวลง หากราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่ต่ำกว่าบริเวณ 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากมีแรงซื้อกลับเข้ามา มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นทดสอบแนวต้านในบริเวณ 1,206-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้แบ่งขายกำไรบางส่วนเมื่อราคาดีดตัวขึ้นหรือบริเวณแนวต้าน 1,206-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากการดีดตัวขึ้นเป็นไปอย่างค่อนข้างจำกัด
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,191 (18,550บาท) 1,180 (18,400บาท) 1,172 (18,250บาท)
แนวต้าน 1,211 (18,900บาท) 1,224 (19,100บาท) 1,236 (19,300บาท)
ขอบคุณ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย , ตลาดหลักทรัพย์หยวนต้า