- 25 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อรัสเซีย และ จีนออกหน้า ลุกขึ้นมาปกป้องข้อตกลง แผนปฏิบัติการร่วมแบบครอบคลุม (Joint omprehensive Plan of Action) หรือ เจซีพีโอเอ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อถึงวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ทางด้านผู้นำสหรัฐฯ จะมีเดินหน้าดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่น่าติดตาม ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามที่จะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์ ที่ทางด้านบารัก โอบามา ได้ทำไว้ในช่วงท้ายของการเป็นประธานาธิบดี ภายใต้ข้อตกลง แผนปฏิบัติการร่วมแบบครอบคลุม (Joint omprehensive Plan of Action) หรือ เจซีพีโอเอ ที่ทางด้านอิหร่าน ได้ทำเอาไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจ
ซึ่งล่าสุดทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดขีดเส้นตายวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ที่จะแก้ไขข้อตกลงปี พ.ศ. นิวเคลียร์ของอิหร่าน แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก อันเป็นผลพวงจากความพยายามอย่างหนักทางการทูตของสหรัฐฯ ยุโรป รัสเซีย และจีน
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เผยภายหลังการหารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ ที่ 23 เมษายน 2561 ว่า มีความพยายามแทรกแซงระเบียบระหว่างประเทศที่สหประชาชาติสนับสนุน รัสเซียและจีนจะหยุดยั้งความพยายามบ่อนทำลายข้อตกลงเหล่านี้ ซึ่งผ่านเป็นมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) โดยจะมีทางด้าน องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ กลุ่มความมั่นคงในภูมิภาค ที่มีรัสเซีย และ จีนนั้นเป็นแกนนำหลัก
โดยทางด้าน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ยืนยันว่าข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเป็นหนึ่งในความสำเร็จทางการทูตครั้งใหญ่สุด ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ดังนั้นการแก้ไขเอกสารฉบับนี้จึงเป็นสิ่งที่ ไม่อาจยอมรับได้
ซึ่งก็น่าจะสอดคล้องกับทางด้าน ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ผู้นำอิหร่าน ได้พูดถึงเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 โดยเขาได้กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาจะเสียใจ หากถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และอิหร่านจะตอบโต้หนักกว่าที่คิด ภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ผู้นำอิหร่าน ได้ไปร่วมงานวันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ กลางกรุงเตหะราน โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่า อิหร่านจะไม่เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงก่อน และสหรัฐฯ จะต้องเสียใจหากเป็นฝ่ายละเมิด เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว เตรียมไว้ดีกว่าที่พวกเขาคิด และพวกเขาจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น หากเขาละเมิดข้อตกลง ภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์
ซึ่งเหตุการณ์ การตอบโต้ครั้งนี้ของผู้นำอิหร่านนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาขู่จะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจโลก ที่เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า แผนปฏิบัติการร่วมแบบครอบคลุม (Joint omprehensive Plan of Action) หรือ เจซีพีโอเอ และกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านใหม่ ภายในวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ เว้นแต่จะมีการกำหนดข้อจำกัดเข้มงวดใหม่ ต่อโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน
ประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานี ผู้นำอิหร่าน ยังกล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ อย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นมีคำพูดและพฤติกรรมที่เอาแน่ไม่ได้ พยายามจะทำลาย แผนปฏิบัติการร่วมแบบครอบคลุม (Joint omprehensive Plan of Action) หรือ เจซีพีโอเอ แต่รากฐานของข้อตกลงแข็งแกร่งมาก จึงไม่สำเร็จ หุ้นส่วนอื่นๆ ของข้อตกลง ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป ล้วนเห็นตรงกันว่าอิหร่านยึดมั่นต่อเงื่อนไขตามข้อตกลง เช่นเดียวกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามตรวจสอบ การปฏิบัติตามข้อตกลงของอิหร่าน
เมื่อรัสเซีย และ จีนออกหน้า ลุกขึ้นมาปกป้องข้อตกลง แผนปฏิบัติการร่วมแบบครอบคลุม (Joint omprehensive Plan of Action) หรือ เจซีพีโอเอ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อถึงวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ทางด้านผู้นำสหรัฐฯ จะมีเดินหน้าดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ หรือเป็นเพียงคำขู่ เพื่อที่จะจัดการกับอิหร่านอีกครั้ง แต่งานนี้อาจจะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อนนัก เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาอิหร่านแข็งแกร่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว มีพันธมิตรอย่างรัสเซีย ที่คอยให้การสนับสนุนทางด้านการทหารมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนพื้นฐานประเทศนั้น ก็มีจีน เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญ ดังนั้น แน่นอนว่าเวลานี้ ถ้าสหรัฐฯ ขยับสิ่งใดที่กระทบต่ออิหร่าน ก็นั่นหมายความว่าจะกระทบต่อรัสเซีย และ จีนด้วยนั่นเอง