- 30 ก.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มเติม deep.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 30 ก.ค.59 พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช หรือ สารวัตรแรมโบ้ ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของ พล.ต.อ.พงษ์พัฒน์ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในการปฏิรูปตำรวจ แต่หากใช้เวลา 1-20 ปี มันนานเกินไป ตนในฐานะตัวแทนองค์การนอกภาครัฐ (NGO) เห็นว่าการปฏิรูปตำรวจควรดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะมีกฎหมายพิเศษสามารถใช้มาตรา 44 ทำได้บางส่วนภายใน 24 ชั่วโมงและไม่เกิน 30 วัน โดยตนเห็นว่าควรปฏิรูปใน 4 เรื่อง
พ.ต.อ.สุรโชค กล่าวอีกว่า เบื้องต้นต้องปฏิรูปความเป็นธรรมและความยุติธรรมให้กับบุคลากรในองค์กรตำรวจก่อนเป็นอันดับแรก เช่นการโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นต้องใช้ระบบเดียวกันกับองค์กรของผู้พิพากษา ศาลและอัยการ โดยยึดหลักอาวุโส 100% ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจใช้เพียง 33% เป็นการเปิดช่องให้การโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่งอยู่ในดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาและคณะกรรมการ จึงเป็นสาเหตุให้มีการวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่งดังที่ปรากฏเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้ข้าราชการตำรวจที่มีอาวุโสน้อยกว่าได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงกว่า ข้ามหัวตำรวจที่มีอาวุโสสูงกว่าและมีผลงานดี ทำให้เสียกำลังใจ
สำหรับประเด็นที่สองต้องปฏิรูปความยุติธรรมให้กับบุคลากรงานสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจ 2547 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนให้แยกงานสอบสวนออกจากฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ พนักงานสอบสวน 1-6 รองสารวัตร (สบ1) ถึงผู้บังคับการฝ่ายสอบสวน (สบ6) ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของตำรวจพนักงานสอบสวน ส่วนใหญ่ต้องการความก้าวหน้าเคลื่อนไหวเพื่อขอแยกตัวออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เกิดสำนักงานสอบสวนคดีอาญาแห่งชาติ (สนช.พงส.) ต่อมาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยุบตำแหน่งตำรวจพนักงานสอบสวนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตำรวจพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งตั้งแต่เดือน ก.พ.59 ที่ผ่านมา จึงขอความกรุณาให้นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้แต่งงานตำรวจพนักงานสอบสวน กลับมาเหมือนเดิม และให้การเลื่อนตำแหน่งใช้หลักอาวุโส เช่นเดียวกับผู้พิพากษา ศาล อัยการและให้ตำรวจพนักงานสอบสวนมีตำแหน่งสูงถึง รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสอบสวนจะทำให้งานสอบสวนที่เป็นหลักสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชนทั้งประเทศ
พ.ต.อ.สุรโชค กล่าวอีกว่า สามต้องปฏิรูปงานที่ไม่เป็นงานของตำรวจ โดยต้องรีบโอนหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับประชาชนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติโดยเร็วที่สุด เช่น งานตำรวจจราจร กทม. ตำรวจจราจรกลาง ตำรวจจราจร สน.และงานจราจรของตำรวจภูธรทั่วประเทศ มอบให้กระทรวงมหาดไทย กทม. กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ. เทศบาล รับไปทำ งานตำรวจทางหลวง ตำรวจรถไฟ มอบให้ กรมการขนส่ง และการรถไฟแห่งประเทศไทยรับไปทำ งานตำรวจ ตม.มอบให้กระทรวงการต่างประเทศ งานตำรวจท่องเที่ยวมอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปทำ
สำหรับประการที่สี่ควรปฏิรูปด้านสวัสดิการของตำรวจให้ดีขึ้น เช่น เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ควรจัดให้เหมาะสมและเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน โดยการปฏิรูปตำรวจใช้เวลาไม่นาน หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 มาช่วยดำเนินการ.