หวิดแล้ว..โศกนาฎกรรมบนโรงพัก!!! คู่รักหมอศัลยกรรมเถื่อนสุดเครียดแอบซดยากะฆ่าตัวตายหนีผิด ตร.หามส่งรพ.ล้างท้องด่วน!!?!!

 

 

     จากกรณีนายโอภาส เจริญวิทย์ อายุ 23 ปี และ น.ส.ณัฐชานันท์ พิทักษ์ชัยกร อายุ 25 ปี คู่รักได้แอบอ้างตัวเป็นหมอศัลยกรรมเปิดคลีนิกให้บริการดูดไขมันส่วนเกินและเสริมหน้าอก จนมีผู้เสียหายจำนวน 15 ราย ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางยี่เรือ ให้ดำเนินการออกหมายจับเพื่อติดตามจับกุมเอาไว้ได้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ระหว่างที่ นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ ถูกพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำทั้งคู่ก็ถูกคุมตัวเอาไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา จนจะครบกำหนดฝากขังที่ศาลเป็นผลัดแรกในช่วงสายวันนี้ (19 ธ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. แต่ระหว่างถูกควบคุมตัว พบว่าทั้งคู่นัดกันกินยารักษาอาการทางจิตเกินขนาดจนเกิดอาการหมดสติในระหว่างอยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา

 

 

 

 

     โดย พ.ต.อ.ปพณพัชร์ กล่าวว่า หลังจากนายโอกาส และน.ส.ณัฐชานันท์ สอบปากคำเสร็จและถูกคุมตัวเอาไว้ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา จนจะครบกำหนดฝากขังที่ศาลเป็นผลัดแรกในช่วงสายวันนี้เวลาประมาณ 10.00 น. ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าสิบเวรควบคุมผู้ต้องหาเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยตามวงรอบในช่วงเช้า ก็พบว่าทั้งคู่ได้หมดสติปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานว่าน่าจะมีอาการจากการที่กินยารักษาโรคทางประสาทเข้าไปเกินขนาด และรีบนำตัวส่งรักษาที่ รพ.ตากสิน อย่างเร่งด่วน เบื้องต้นแพทย์ที่ให้การรักษาได้ทำการล้างท้อง และให้ยาต้านพิษแก่นายโอภาส และ น.ส.ณัฐชานันท์ ขณะนี้ทั้งคู่ยังหมดสติอยู่ในห้องรอดูอาการและทางทีมแพทย์กำลังประสานงานเพื่อส่งต่อไปรักษาตัวที่ รพ.ศิริราช หรือ รพ.ตำรวจ เนื่องจากที่ รพ.ตากสินเตียงเต็ม จากการสอบถามสาเหตุพบว่า น.ส.ณัฐชานันท์ นั้นมีประวัติรักษาอาการทางประสาทที่ รพ.สมเด็จเจ้าพระยาอยู่แล้ว กระทั่งพอถูกจับกุมได้ก็มีญาตินำยาระงับอาการมาฝาก พนักงานสอบสวนเอาไว้ พร้อมแจ้งว่าน.ส.ณัฐชานันท์ ต้องรับประทานยาเป็นประจำ จึงต้องมอบยาให้ผู้ต้องหาเอาไว้ตามสิทธิที่ผู้ต้องหาต้องได้รับ แต่ไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะนัดกันทานยาเกินขนาดจนส่งผลให้หมดสติไปเช่นนี้

(ขอบคุณภาพ FB ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม)

 

 

     อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รรท.ผบก.น.8 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดทันที พร้อมยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้มีความประมาทเลินเล่อปล่อยให้ผู้ต้องหากระทำการในลักษณะดังกล่าว เพราะผู้ต้องหาทุกคนมีสิทธิตามกฎหมายที่จะต้องได้รับยารักษาโรคตามอาการป่วยในระหว่างสอบสวนอยู่แล้ว อีกทั้งได้สั่งการให้ผกก.สน.บางยี่เรือ จัดกำลังตำรวจเฝ้าดูอาการผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมง เบื้องต้นได้สั่งการให้ตรวจสอบว่าเป็นยาชนิดใดและให้เรียกตัวญาติผู้นำยามาฝากกับพนักงานสอบสวนมาพบเพื่อสอบปากคำด้วย ทั้งนี้ ความคืบหน้าของคดีนั้นทางตำรวจต้องทำเรื่องฝากขัง ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปตามปกติ เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ ที่สำคัญตนได้ให้แนวทางการสอบสวนขยายผลไปถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ เอาไว้แล้ว ถ้าหากผลการสอบปากคำเชื่อมโยงไปถึงผู้ใดอีกก็จะต้องแจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายไปด้วยเช่นเดียวกัน.

 

 

 

เรียบเรียงโดย กำพลาภร สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล กรุงเทพธุรกิจ