- 30 ธ.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่ถือเป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้เป็อย่างดี เมื่อในเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความเรื่องราวที่เป็นประเด็นทางคดีฐานฉ้อโกง ว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยผู้เสียหายคือ อดีตผู้จัดการหนุ่มวัย 40 ปี เดินทางนำหลักฐานและเอกสารต่างๆเข้าพบกับ พ.ต.อ. โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผกก.สภ.บางพลี และ พ.ต.ท. ประมวล ทองภู หัวหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับหญิงสาวรายหนึ่งอายุ ประมาณ 25 ปี ในข้อหาฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร
ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ระบุที่ไปที่มาของการฟ้องร้องดังกล่าว สืบเนื่องมาจากชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายรายนี้ คือ นาย ภัทรกร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการหนุ่มโรงงาน โดยเจ้าตัวเล่าว่า เริ่มต้นจากการที่ตนเองอยากมีภรรยาอยากสร้างครอบครัวจึงไปสมัครหาคู่ในเว็ปไซร์หาคู่แห่งหนึ่ง จนได้รู้จักกับหญิงสาวทราบชื่อในเวลาต่อมาว่า น.ส.สุชาฎารัตน์ เกษมโชค อายุ 25 ปี และได้พูดคุยติดต่อกันแล้วเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันและเดินทางมาพบเจอกัน
ต่อมาหญิงสาวรายนี้ได้ใช้กลอุบายในหน้าที่การงานที่ตนเองเปิดเป็นบริษัทรับเหมาถมที่ดินมาเป็นแรงจูงใจให้เกิดความเชื่อถือ โดยการออกอุบายว่าคิดอยากสร้างอนาคตร่วมกับตน จนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.สุชาฎารัตน์ ได้นำรถหรู ยี่ห้อ BMW มาเปลี่ยนกับของตน อ้างว่าอยากให้ตนดูดีมีฐานะ ก่อนจะออกอุบายให้มีการร่วมลงทุนโดยการเช่าซื้อรถยนต์กระบะจำนวน 5 คัน โดยใช้ชื่อของนายภัทรเป็นคนซื้อ แล้วทำการเชิดรถหนีหายไป รวมรถยนต์ที่ถูกหญิงสาวรายนี้หลอกเชิดไปทั้งหมด 6 คันรวมรถส่วนตัวของผู้เสียหายด้วยอีกหนึ่งคัน และเงินสดจำนวน 220,000 บาท ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมาถูกเปิดเผยเมื่อบริษัท ไฟแนนซ์ ที่ตนไปดาวน์รถไว้ทั้ง 5 แห่ง ติดตามทวงถามค่างวดรถ ขณะเดียวกันตนก็ไม่สามารถติดต่อ น.ส.สุชาฎารัตน์ได้อีกเลย
ทั้งนี้นายอัจริยะ ยืนยันว่าทางชมรมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีการกระทำความผิดจริงและมีความน่าเชื่อว่าจะมีการกะทำเป็นขบวนการ เนื่องจากมีการนำเอารถที่ใช้ชื่อผู้เสียหายซื้อมานั้นไปขายต่อให้กับทางเต๊นท์รถมือสอง ในลักษณะของการรับรถไปขายช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง จึงมีความน่าเชื่อได้ว่าต้องมีผู้ร่วมขบวนการหลายคน โดยยอดมูลค่าความเสียหายขณะนี้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท
ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางพลี ได้รับแจ้งและจะเร่งตรวจสอบประวัติน.ส.สุชาฎารัตน์ ก่อนเชิญตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป โดยหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายหลอกลวงจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เรียบเรียง : ชัชรินทร์ สำนักข่าวทีนิวส์
ที่มาข้อมูล : FB ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม