- 11 มี.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.)ได้มีมติรับทราบการถอดถอนสมณศักดิ์พระธัมมชโยและพระทัตตชีโว รวมทั้งการให้ใช้กฏมส.ฉบับ21ดำเนินการให้พระสละสมณเพศโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระธัมมชโย โดยเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ซึ่งจากท่าทีดังกล่าวนี้ของมส.อาจทำให้หลายคนยังคลางแคลงใจ สงสัยว่าแท้แล้วมส.สามารถจัดการกับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายได้หรือไม่ ล่าสุดวันนี้บทความของเปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์ ได้อธิบายเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจและ ช่วยไขข้อสงสัยดังกล่าวได้ ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดแจกแจงไว้ดังนี้
ธรรมกาย 'จบแล้ว' รอเก็บกวาด
เป็นอันว่า เรื่องผีบุญไชยบูลย์-ธรรมกาย "จบภาคลวงโลก" แล้วเมื่อวาน (๑๐ มี.ค.๖๐) ต่อจากนี้ เป็นระยะเวลา ๑๕ ปีเข้าสู่ภาค "ล่าสุดขั้วนรก"!เท่าที่ฟังเสียงคนดูวิจารณ์ เขาว่า "จบแบบปะแล่มๆ" เพราะฝ่ายผู้ร้าย ที่ต่อต้านการบุกเข้าค้นมาตั้ง ๒๓ วัน อยู่ๆ ก็ยอมเปิดประตู พาดีเอสไอ "ทัวร์อาณาจักรจานบิน" เฉยเลย!? เสร็จแล้ว เจ้าสำนักดีเอสไอ "พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง" ก็ตั้งโต๊ะแถลง "การตรวจค้นทั้งหมดในวันนี้ .........ผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ได้ป่วยอาพาธ ตามที่ทางวัดแจ้ง หากอาพาธจริง ในวันนี้การเข้าตรวจค้นก็ต้องพบ"
ครับ...ไม่พบ ก็หมายความว่า "ผีบุญไชยบูลย์" ถลกตูดหนีไปแล้ว หรือหลบซ่อนอยู่จุดใด-จุดหนึ่งภายในพื้นที่ร่วม ๒ พันไร่ของอาณาจักรธรรมกาย เพียงแต่หาไม่เห็นมีเท่านั้น ไม่เห็นมี ก็ไม่เป็นไร พ.ต.อ.ไพสิฐบอก "ผู้ต้องหาที่มีหมายจับ มีอายุความ ๑๕ ปี ดีเอสไอและตำรวจ จะจัดชุดออกสืบสวนติดตาม ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ที่มีด่านสกัดตามแนวชายแดน หากพบตัวก็ควบคุมตัวส่งศาล"
เป็นอันสรุปว่า ดีเอสไอจะ "ยุติ" การค้นหาตัวภายในอาณาจักรจานบินแต่วันนี้เป็นต้นไป คืนสภาพ "อาณาจักรธรรมกาย" กลับเหมือนเดิม ใครจะเข้า-จะออกไปปฏิบัติธรรมกรรมเวรก็เชิญตามสบาย การตรึงกำลังตรวจค้น ไม่มีแล้ว จะเหลือก็แต่ "กองร้อยควบคุมฝูงชน" เพียงจุ๋มจิ๋ม คอยดูแลตามจุดสกัดและประตู ระแวด-ระวังพวก "มือที่สาม" และพวกหวังดีแต่ประสงค์ร้าย จะเข้าไปยุ่งเหยิง สำหรับภายในอาณาจักร ทางสำนักพุทธกับตำรวจปทุมธานี จะเข้าไปสอดส่องดูแล แต่ ม.๔๔ ยังไม่เลิกนะจ๊ะ! จะเลิกเมื่อไหร่ พูดกันแฟร์ๆ รอดูความประพฤติอีกซักระยะก่อน
ครับ...นี่ว่ากันตามขั้นตอนหลวง ต่อจากนี้ เป็นเรื่องมุมมองและการแสวงหาความเข้าใจระหว่างผมกับท่าน หลังมีผลประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคมออกมาแล้ว เมื่อบ่ายวาน หลายเสียงบ่น......... "ตึงตัง-โครมครามมา ๒๓ วัน ขี้สมีโยซักก้อนก็ไม่ได้ ลงท้ายกลับบ้านมือเปล่า ดีเอสไอกับแก๊งธรรมกาย เล่นลิเกแหกตากันหรือเปล่า?"
ครับ...ถ้าเน้นเรื่อง ต้องจับตัวสมีโยเป็นๆ ให้ได้ ก็ต้องยอมรับว่า น่าผิดหวัง! แต่ถ้าเน้น "ความชัดเจน" ด้านโป้ง..ปิดบัญชี "ไชยบูลย์ สุทธิผล" จากทางคณะสงฆ์ ว่ายังยอมรับเป็นพระอยู่หรือไม่ ในขณะที่สถานภาพทางบ้านเมือง ผีบุญไชยบูลย์เป็นอาชญากรแผ่นดินมีหมายจับ! ด้านนี้ น่าสมหวัง!
เอ้า...ก็ลองไล่เลียงกันดู ว่ายุทธการขยับเหงือก ๒๓ วันของดีเอสไอ ได้อะไรบ้าง? ในด้าน "ได้อย่างใจ" คงไม่ได้ แต่ในด้าน "มัดตราสัง" สมีโยและแก๊ง ได้มากมายทั้งทางโลกและทางสงฆ์ เรียกว่า "คุ้มเบี้ยเลี้ยง" ๒๓ วัน
-ได้ถอดสมณศักดิ์ทั้ง "ธัมมชโยและทัตตชีโว"
-ได้พระนพพร เข้ารายงานตัวดีเอสไอ
-ได้พระเสกสรรค์ เป็นผู้ต้องหา ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.
-ได้พระสนิทวงศ์ เป็นผู้ต้องหา ๒ ศาล ๒ คดี
-ได้ผีบุญไชยบูลย์ ตกเป็นผู้ต้องหา เพิ่มกว่า ๓๔๖ คดี
-ได้มติ มส.ให้ใช้กฎ ฉบับที่ ๒๑ จัดการ "ขั้นสึก" สมีโย-ทัตตชีโว
นอกจากนั้น ..........จาก ๒๓ วัน แจกคดีให้ "แก๊งผีบุญ" ได้ติดตัวกันไปรวม ๔๓ คดี ถูกออกหมายเรียกอีก ๓๑๖ ราย และมีคำสั่งให้มาพบเจ้าพนักงานอีก ๘๐ ราย ที่สำคัญสูงสุด.......ปฏิบัติการ "แยงตูดเหลือง" เที่ยวนี้ ทำให้คนไทย-คนโลก "เห็นลาย" จากสันดานแท้จริงของสมีโยและแก๊งลัทธิธรรมกาย ว่าที่แท้ก็พวก "มือถือสาก-ปากถือศีล" ซุกผ้าเหลืองท่องมนต์ลวงโลกแท้ๆ!
เอ้า....มาดูผลงาน ผอ.สำนักพุทธคนใหม่ "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" กับคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ด้วยองค์ประธานใหม่บ้าง พ.ต.ท.พงศ์พรนี่ ดูทรงแล้ว ต้องชมนายกฯ ประยุทธ์ว่า "ตาแหลม" แต่งเครื่องแบบ ผอ.สำนักพุทธแล้วราศี "ผู้คงทางธรรม" จับจ้า ถ้าโกนหัวห่มเหลืองเมื่อไหร่ บอกว่าเป็นพระเคร่งสมถกรรมฐาน คนต้องเชื่อกันทั้งเมือง! ที่ท่านแถลงผลประชุม มส.บ่ายวาน ดูจะยังไม่ชัดเจนด้านกฎหมายพระ เมื่อถูกนักข่าวซัก แจกแจงได้ แต่ไม่จะจะ อาศัยมีสติ-ใจเย็น จึงดูอ่อนโยนดี
สรุปว่าอย่างนี้.........ประเด็นถอดสมณศักดิ์ "ผีบุญธัมมชโย-เซียนหุ้นทัตตชีโว" มส.รับทราบตามที่ พศ.บรรจุเข้าที่ประชุมเป็นวาระจร ส่วนการดำเนินการทางพระวินัยกับ "ไชยบูลย์ สุทธิผล-เผด็จ ทัตตชีโว ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายครุกาบัติขั้นปาราชิกนั้น มส.มีมติให้..........."เจ้าคณะปกครอง" ใช้กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ คือ "สึก" จากพระ จัดการตามขั้นตอน กับสมีโย ผู้ชำนาญทางยักยอก-ฟอกทรัพย์-รับของโจร และกับทัตตชีโว ผู้ชำนาญทางเอาเงินวัดไปเล่นหุ้นและซุกผู้ต้องหา เจ้าคณะปกครองที่ว่านี้ ก็คือ "เจ้าคณะใหญ่หนกลาง" "สมเด็จพระพุทธชินวงศ์" (สมศักดิ์ อุปสโม) วัดพิชยญาติการาม!
สรุป (อีกที) เพื่อความเข้าใจ.........เมื่อวาน ที่หวังกันว่า มหาเถรสมาคม จะมีคำสั่งให้สมีโย "สึกกลางอากาศ" แต่ไม่เป็นตามหวังนั้น ขอบอกว่า ที่หวังกันนั้น "ไม่ผิดหวัง" หรอก! เพียงแต่ไม่เข้าใจระเบียบปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สงฆ์และตามพระธรรมวินัยที่ใช้จัดการกับพระผู้ "ฉิบหายแล้ว" จากศีลในหมวดครุกาบัตินั่นแหละ
มส.เป็นศาลฎีกา จะให้ตัดสินโดยคดีไม่ผ่านศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มันไม่ถูกระเบียบ ขืนตัดสินเปรี้ยงปร้างไป ไชยบูลย์กับเผด็จเขายึดกฎเกณฑ์ พ.ร.บ.สงฆ์ฟ้องร้องเป็นการแย้งขึ้นมา มส.ก็จะเสียท่า และแพ้เขา! จากคำสั่ง มส.ให้เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ไปจัดการตามกฎฉบับที่ ๒๑ นอกจากให้เอาคดีเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนแล้ว การให้ดำเนินการตามกฎ ฉบับที่ ๒๑ นั้น เท่ากับยืนยัน "โทษสึก" สถานเดียวกับ ๒ เสือธรรมกาย เพราะกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑
ขอย้ำ คือกฎที่ว่าด้วย "การให้พระภิกษุสละสมณเพศ"! บ้านเมืองต่อให้ยุคทรราช ยังต้อง ๓ ศาล แล้วนี่...จะให้มหาเถรฯ ใช้อำนาจรวบยอด "โป้ง-ปิดบัญชี" ซะเอง จะได้อย่างไร!? ชัดๆ "สึกสมีโย-ทัตตชีโว" ณ ขณะนี้...........มส.ถวายเป็น "เผือกร้อน" ให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง จัดการ ความจริงก็ไม่ใช่ถวายหรอก ในทางปกครอง เป็นภาระ-หน้าที่ของท่านโดยตรงอยู่แล้ว แต่...ท่านถืออุเบกขา หูไปนา-ตาไปไร่ ซะเอง
แต่ขณะนี้ "เปลี่ยนแผ่นดิน" แล้ว อำนาจปกครองสงฆ์ก็เปลี่ยน การจะนิ่งเฉย ไม่จัดการตามตำแหน่งหน้าที่เลย กฎบ้านมี ก็เห็นแล้ว......... กฎพระก็มี และก็เห็นแล้วมิใช่หรือ พระปกครองก็ถือเป็น "เจ้าพนักงานตามกฎหมาย" เมื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ใช้ประเคนพระได้ด้วยนะพระคุณเจ้า! วันก่อนลำดับให้ดูแล้วว่า "ชั้นปกครองสงฆ์" เป็นอย่างไร จากเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ก็เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ตอนนี้ วัดพระธรรมกาย ไม่มีเจ้าอาวาส ต้องรีบตั้ง เพราะ ๒ เสือธรรมกายเป็นแค่ "พระลูกวัด"
นั่นคือ แค่ระดับเจ้าอาวาส-เจ้าคณะตำบล มีอำนาจจัดการตามกฎ ฉบับที่ ๒๑ และรายงานขึ้นไปให้ทราบตามลำดับชั้นได้ พูดง่ายๆ คดีนี้ ต้องเริ่มต้นนับ ๑ จากตัวเจ้าอาวาส ไประดับตำบล และระดับ "พระเจ้าคณะอำเภอ" เรื่อยไปถึงจังหวัดและเจ้าคณะภาค ๑ "เจ้าคุณสายชล" วัดชนะสงคราม ผู้ลือลั่น ไปจบที่เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ผู้รู้ๆ กันอยู่ ไม่ยากหรอก เพียงแต่ต้องใช้เวลาตามขั้นตอนมากหน่อย ตามกฎ ฉบับที่ ๒๑ บอกกรอบปฏิบัติละเอียดอยู่แล้ว
ถ้าทำครบ-จบแน่! ถ้าไม่ครบ มีโอกาสจบเหมือนกัน ไม่เพียงสมีโย-ทัตตชีโวจบ เจ้าคณะภาค ๑ และเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เผลอๆ "จบ" ด้วย! การให้พระสละสมณเพศ ตามพระวินัย ต้องให้เจ้าตัวมาออกปากสละต่อหน้าสงฆ์ ถ้าไม่ยอมสละ ปฏิเสธความผิด ขอต่อสู้ในศาลสงฆ์ ตามกฎก็ทำได้ ผ่านตามขั้นตอน เจ้าคณะตำบล-อำเภอ-จังหวัดนี่แหละ เป็นศาลชั้นต้นแต่กรณีนี้ เชื่อแน่ว่า ๒ เสือธรรมกาย จะไม่โผล่หัวออกมา! นั่นก็ไม่เป็นไร.........
ด้วยกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ บอกขั้นตอนและวิธีการให้จัดการพวกหนังหนา-หน้าด้านประเภทนี้อยู่แล้ว การไม่ออกมาแก้อธิกรณ์ นั่นเท่ากับยอมรับความผิด ทางสงฆ์ปกครองตัดสินอธิกรณ์ให้พ้นจากเพศสมณะได้เลย เอาคำสั่งไปแปะที่กุฏิในวัด....ก็จบ! ผู้นั้น จะปรากฏชื่อในทะเบียนประวัติอาชญากรที่ทางการ "ต้องการตัว" ใครเห็นที่ไหน แจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมยัดตะรางได้เลย เอาตัวดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองได้ ถือว่า "ไม่ใช่พระ" แล้ว ไม่ต้องเข้ากระบวนการสงฆ์อีก
เป็นอันว่า จากมติมหาเถรสมาคม เมื่อวาน ที่ให้สงฆ์ปกครองจัดการ "ไชยบูลย์-เผด็จ" ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๑ นั้น ทั้งนิตินัย-พฤตินัย........
"ธัมมชโย-ทัตตชีโว" สิ้นสภาพ "ทางพระ" แล้ว!
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณ : เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์(http://www.thaipost.net/)