- 02 เม.ย. 2560
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 2 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการจับกุมตัวกรณีการจับกุมตัวนางปาร์ค กึน ฮเย อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ด้วยข้อหาพัวพันกับการทุจริต จนถูกนำตัวไปจำคุกว่า กรณีดังกล่าวได้สะท้อนความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพของระบบยุติธรรมของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำนักการเมืองระดับประธานาธิบดีถูกดำเนินคดีและต้องจำคุกแบบนี้ กรณีดังกล่าวนี้ น่าจะเป็นกรณีศึกษาเพื่อปรับปฏิรูประบบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกลไกปราบโกงของไทยให้สามารถเอาผิดกับนักการเมืองที่กระทำผิดในระหว่างถืออำนาจอยู่ได้ ไม่ใช่ต้องรอให้พ้นจากอำนาจจนคนลืมไปแล้วค่อยดำเนินการจนถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือล้างแค้นทางการเมือง
" กรณีฐานความผิดของนางปาร์ค กึน ฮเย ครั้งนี้ พฤติกรรมความผิดเทียบไม่ได้กับบางกรณที่เกิดขึ้นในวงการการเมืองไทยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะปัญหาเครือญาติมาหาประโยชน์หรือปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน แต่นักการเมืองไทยกลับไม่ถูกตรวจสอบและไม่ถูกดำเนินคดี " นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ถึงเวลาที่ต้องสังคายนาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้มีประสิทธิภาพและบูรณาการกันด้วยความรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น ปปช. ศาลฎีกาแผนกคดีทุจริตของนักการเมือง อัยการ รวมทั้งศาลอาญาคดีทุจริตที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งเราไม่ได้ขาดกลไกการตรวจสอบแต่จะให้กลไกเหล่านี้มีประสิทธิภาพ รวดเร็วและน่าเชื่อถือได้อย่างไร
" มันเป็นเรื่องตลกที่ผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว คนหลบหนีคดีหนีความผิดอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ยังไปเที่ยวดิสเครดิตว่าระบบยุติธรรมไทยไม่น่าเชื่อถือ แต่ขณะเดียวกันก็เที่ยวฟ้องดำเนินคดีคนอื่นอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ นีก็เป็นกรณีศึกษาที่ต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีก " นายสุริยะใส กล่าว
ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ต้องชื่นชมอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ด้วย ที่กล้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเดินเข้าคุกเพื่อรอพิสูจน์ความสุจริตของตัวเองไม่หลบหนี อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความศักดิ์ศิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีไต้ที่ผู้นำและอดีตผู้นำมีสปิริตทางการเมืองด้วยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่างจากกรณีของประเทศไทย แม้อดีตรัฐมนตรีบางคนถูกจำคุกแต่ก็มีไม่น้อยที่หลบหนีคดีเช่นกัน