- 12 ส.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด Facebook : Deeps News
ความลี้ลับภายใต้สายน้ำวน ยังคงเป็นปริศนาจากรุ่นสู่รุ่น กลายความเชื่อที่ไม่อาจลบเลือน จารึกไว้เป็นคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ ถ่ายทอดเรื่องราว "เจ้าบอดตาเดียว" พญานาคแห่งลำน้ำหมัน ผู้มีดวงตาเพียงข้างเดียว (ตาอีกข้างหนึ่งบอด) แต่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ทำหน้าที่ปกปักษ์รักษาองค์พระปฏิมา นามว่า "พระเจ้าใหญ่" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองด่านซ้ายมาอย่างยาวนาน
ร่องรอยแห่งความเชื่อ ปรากฎที่ “ท่าวังเวิน” ( วังน้ำวน) หลังวัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นทางเข้าออกของพญานาคที่มากราบสักการะองค์พระเจ้าใหญ่ที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ วัดโพนชัย ทำให้เส้นทางตั้งแต่ท่าวังเวิน จนถึง พระอุโบสถ ราว ๓๐๐ เมตร กลายเป็นโพรงขนาดใหญ่เท่ากับบาตร เห็นเป็นรูอย่างชัดเจนหลังฐานองค์พระเจ้าใหญ่
“รูพญานาคมีมานานหลายร้อยปีแล้ว มีมาก่อนสร้างองค์พระเจ้าใหญ่ เพราะสมัยก่อนบริเวณนี้ (พระอุโบสถ) เป็นต้นไม้เต็มไปหมด และมีรูขนาดใหญ่เท่ากับบาตร เป็นโพลงลึกลงไป ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูของพญานาค และอยากรู้ว่ารูนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน ก็เลยเอาลูกมะนาว หรือ ลูกส้มโอ มาหย่อนลงไปในรู ปรากฏว่าไปโผล่ที่ท่าวังเวิน แม่น้ำหมัน ที่อยู่ด้านหลังวัด”
“พระสิริรัตนเมธี” เจ้าอาวาสวัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และรองเจ้าคณะจังหวัดเลย เล่าประวัติความเป็นมาของของรูประหลาดที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรูพญานาค ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีการสร้างองค์พระเจ้าใหญ่หรือหลวงพ่อใหญ่ ทำให้ฐานพระทับรูเดิมของพญานาค แต่หลังจากนั้นก็มีรูคล้ายๆกันปรากฏขึ้นมาอีก ทุกวันพระจึงมีรอยเปื้อนโคลนตมตามฝาผนังโบสถ์หลังองค์พระเจ้าใหญ่ ลักษณะเลื้อยไปมาคล้ายงูใหญ่ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพญานาคที่เข้ามากราบสักการะพระเจ้าใหญ่ ทำให้ทางวัดต้องทำความสะอาดด้วยความยากลำบาก เพราะสมัยก่อนน้ำท่าก็หายาก จึงเชื่อว่าได้มีการทำพิธีกรรมเพื่อปิดรูพญานาคอย่างเป็นทางการ
“ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ มีความเชื่อว่า พญานาคได้มาเข้าทรงยายสมปอง ชาวบ้านเดิ่น อำเภอด่านซ้าย ว่าอยากให้เปิดรูพญานาค เพราะเขาไม่สามารถมากราบพระได้เลย หรือทำรูให้หายใจได้สักนิดก็ยังดี เพราะถ้าปิดรูไว้ก็เท่ากับปิดวัด ทำให้วัดไม่เจริญรุ่งเรือง ก็เลยมีการสร้างรูพญานาคขึ้นมาใหม่ โดยชาวบ้านเป็นคนสร้างให้ อยู่ด้านหลังองค์พระเจ้าใหญ่”
ท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เห็นว่า รูที่ทำไว้เล็กเกินไป จึงให้ขยายรูให้กว้างมากขึ้น และใส่ท่อลงไปใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะใช้ผ้าขาวล้อมรอบไว้และเขียนป้ายกำกับไว้ชัดเจนว่าเป็น “รูพญานาค”
พญานาคที่มาปกปักษ์รักษาพระเจ้าใหญ่นั้น เจ้าอาวาสวัดโพนชัยเล่าว่า เคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า มีพญานาค ๓ ตนด้วยกัน คือ “เจ้าบอดตาเดียว”, นางทองหลาง และนางเอกไค้ โดยเฉพาะ “เจ้าบอดตาเดียว” มีตำนานเล่าขานมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ว่าชอบว่ายน้ำขึ้นมาจากลำน้ำหมันเพื่อกราบไหว้สักการะบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ปรากฏอย่างชัดเจนที่หลังองค์พระเจ้าใหญ่ ซึ่งจะเห็นว่า ปัจจุบันด้านหลังขององค์พระ มีภาพวาดองค์พระเจ้าใหญ่ นั่งอยู่บนหลังพญานาคที่ขนดตัวเป็นชั้นๆ พร้อมแผ่พังพานเจ็ดเศียร คอยปกปักษ์รักษาองค์พระ และมีภาพวาดของหางพญานาคโผล่ออกมาใกล้กับรูพญานาคที่ชาวบ้านได้สร้างไว้ให้นั่นเอง
แม้ในปัจจุบันเรื่องราวของ “เจ้าบอดตาเดียว” จะไม่ถูกกล่าวถึงมากเท่าไหร่นัก แต่ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่า พญานาคแห่งลำน้ำหมันมีอยู่จริง… และได้มีการสร้างศาลพญานาคที่ริมฝั่งท่าวังเวิน เพื่อสักการบูชาพญานาคในงานประเพณีผีตาโขนของทุกๆปี ส่วนชาวบ้านที่เคารพศรัทธาก็มักจะบูชาทุกๆวันพระ เพราะเชื่อว่า “เจ้าบอดตาเดียว” พร้อมพญานาคทั้งหลาย จะปกปักษ์รักษาองค์พระเจ้าใหญ่ และส่งเสริมให้เกิดความร่มเย็นแก่ผู้ศรัทธา
เรื่องราวของ “พญานาค” มีบทบาทต่อความเชื่อมาอย่างยาวนาน… จึงไม่แปลกว่า ยุคนี้จะเป็น “ยุคทอง” ของ “พญานาค” ที่มีอิทธิพลต่อความเชื่ออีกครั้ง !?!