- 03 พ.ย. 2560
FB : DEEPS NEWS
จากกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยประชาชนจำนวนหนึ่งมาเยี่ยม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครโดยนางธิดา ได้ออกมาเปิดเผยหลังการเข้าเยี่ยมซึ่งจากการพูดคุยกับนายจตุพรถึงกรณีจะพ้นโทษเมื่อใด และจากการให้สัมภาษณ์ก็ได้ระบุถึงเรื่องนี้ด้วย
“ห่วงว่าจตุพรซึ่งเป็นประธานนปช.ออกมาช้า ถ้าตามรูปการที่อาจารย์คิด น่าจะ หรืออาจจะได้ออกปีหน้านะ คดีนี้ไม่ยาก อาจได้ประโยชน์จากการอภัยโทษงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นี้คืออาจารย์คาดเอาเองนะ ซึ่งต้องรอดูปีหน้าตอนนี้เปลี่ยนแผ่นดินแล้ว รอดู รอคอย ใช้คำว่า wait and see รอคอย รอดูก่อน และวันพฤหัส ศุกร์หน้าไม่ต้องมาเยี่ยมที่นี่นะ เพราะวันพฤหัสจะต้องไปขึ้นศาลอาญาคดีก่อการร้าย มีคดีต่างๆรออยู่สำหรับแกนนำ ส่วนเรื่องประธานนปช. ความเห็นส่วนตัวคิดว่ายังไม่ต้องเปลี่ยน ยังไม่จำเป็นเปลี่ยนประธานใหม่ มีอะไรโทรคุย ปรึกษากันได้”
ก่อนหน้านี้ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328,332 ที่นายอภิสิทธิ์ ยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 ระบุว่า วันที่ 10 พฤษภาคม 2552 นายจตุพร จำเลยได้ปราศรัยด้วยเครื่องกระจายเสียงต่อหน้าประชาชน จำนวนกว่าหมื่นคน กรณีการปราบปรามม็อบเสื้อแดง ซึ่งล้วนเป็นเท็จ การกระทำของจำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จากประชาชนที่ได้ยินได้ฟังการปราศรัยของจำเลย เหตุเกิดที่วัดไผ่เขียว แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ซึ่งนายจตุพร จำเลยให้การปฏิเสธ
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.55 ให้ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากเห็นว่าทางนำสืบรับได้ว่าเป็นกรณีที่ได้มีการปราศรัย แถลงข่าว วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นการตอบโต้ทางการเมืองทางวิธีทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย จึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมานายอภิสิทธิ์ โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริง ที่เป็นมูลเหตุที่นำมาสู่การกล่าวหมิ่นประมาท ที่ไม่ใช่เพียงการโต้ตอบทางการเมืองแต่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องเช่นกัน เนื่องจากรูปคดีมีเหตุผลที่ทำให้นายจตุพร จำเลย เชื่อว่าน่าจะมีมูลเหตุในเรื่องที่ได้กล่าวถึงจริง ซึ่งการกล่าวของจำเลยเป็นการปกป้องตนหรือป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนตามทำนองคลองธรรม ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 (1) การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ โจทก์ก็ได้ใช้สิทธิตามกฎหมายยื่นฎีกาคดีอีกและศาลก็ได้นัดอ่านคำพิพากษาฎีกา ปรากฎว่า ศาลฎีกา พิพากษากลับให้จำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ 1 ปี ไม่รอลงอาญา