- 03 พ.ย. 2560
ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th
"เพื่อไทย" ได้ทีขย่ม "คสช." หลัง“บิ๊กบี้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล” ไขก๊อกทิ้งกระทรวงจับกัง หลังนายกฯ ใช้ 44 เด้งฟ้าผ่าอธิบดีจัดหางาน แถมยั่วให้แฉ พร้อมแขวะทำนอง "ขนาดเป็นรัฐมนตรีที่นายกฯ ตั้งมากับมือยังรับไม่ได้" ขณะรองปธ.สภาองค์กรนายจ้างฯ ให้ความเห็น ถ้าให้เดาคิดว่า อาจเป็นเรื่องการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวที่มีความล่าช้า และหวังว่าเมื่อเป็นคนแล้ว งานจะดีขึ้น
ควันหลงกรณี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน ยื่นใบลาออก หลังหัวหน้าคณะ คสช. ใช้มาตรา 44 โยกย้ายนายวรานนท์ ปีติวรรณ อดีตอธิบดีกรมการจัดหางาน ไปเป็นรองปลัดกระทรวงแรงงาน
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ว่า ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องคิดไตร่ตรองให้ละเอียดถึงผลกระทบของการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จ ปราศจากการตรวจสอบ และไร้การควบคุม ส่งผลกระทบในทางลบด้านใดบ้าง เพราะขนาด พล.อ.ศิริชัย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งมากับมือ ยังรับไม่ได้ ถึงขั้นนำคณะทำงานทั้งหมดลาออกในคราวเดียว แสดงว่าต้องมีปัญหากันอย่างหนักถึงขั้นร่วมงานกันต่อไปไม่ได้แล้ว
“ขอเรียกร้องให้พล.อ.ศิริชัย ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่แท้จริงของการตัดสินใจลาออก อย่างน้อยการลาออกของท่านอาจเป็นประโยชน์ในการสะท้อนปัญหาให้สังคมได้ช่วยกันตรวจสอบ มูลเหตุของการปลดอธิบดีกรมการจัดหางาน มาจากประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวที่มีความล่าช้าอย่างเดียวหรือไม่ หรือมีสาเหตุจากปัญหาอื่นๆในกระทรวงแรงงานหรือในคสช.หรือไม่”รักษาการรองโฆษกเพื่อไทย ระบุ
โดยนายอนุสรณ์ ยังอ้างงด้วยว่า ผลกระทบจากการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวของรัฐบาลทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างน้อย 40% ในขณะที่เศรษฐกิจวิกฤติ กำลังซื้อหดหาย แต่ผู้ประกอบการนายจ้างกลับมีต้นทุนด้านแรงงานที่สูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหานี้โดยการโยนบาปให้ข้าราชการประจำฝ่ายเดียวไม่ได้ รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ อย่าใช้วิธีตัดตอนหรือโยนความผิดไปให้คนอื่นเพื่อให้ตัวเองพ้นความรับผิดชอบ การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจะเป็นตัวชี้วัดว่าในช่วงท้ายของ คสช.และรัฐบาลจะอยู่อย่างไร ถ้าแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจไม่ได้ ต่อให้ 100 โหร ออกมาเชียร์ ก็อยู่ต่อลำบาก
ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า รายละเอียดตนไม่ทราบ และตนก็เพิ่งทราบวานนี้เช่นกัน ก็อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ เรื่องนี้ไม่ทราบจริงๆ ไม่เคยได้ข่าวมาก่อน แต่เมื่อถามย้ำการที่ พล.อ.ศิริชัย ลาออก ไม่ได้เป็นปัญหาระหว่างพี่น้องทหารด้วยกันใช่หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ไม่รู้ แต่ไม่น่าจะมีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และโบ้ยให้ไปถามรองนายกฯ วิษณุ อีกที
อย่างไรก็ตาม สำหรับสาเหตุการปลดฟ้าผ่าอธิบดีกรมการจัดหางานในครั้งนี้ กระทั่ง พล.อ.ศิริชัย รมว.แรงงาน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมานั้น คาดว่าประเด็นปัญหามาจากกรณีการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว ทั้งเมียนมา และกัมพูชา ที่มีความล่าช้า จน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ไม่พอใจ ขณะที่บางกระแสระบุว่า หนึ่งในสาเหตุ คือการที่กระทรวงแรงงานออก พ.ร.ก.ต่างด้าว ที่มีโทษปรับสูงถึง 8 แสนบาท และถูกทุกฝ่ายคัดค้าน จนต้องออกมาตรการเยียวยาชะลอโทษออกไปอีก 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 ธ.ค. นี้ รวมทั้งปัญหาแรงงานต่างด้าว การพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวนับล้านคนที่อาจไม่เสร็จตามกำหนดดังกล่าว ขณะที่อีกบางกระแสระบุว่า นายวรานนท์ไม่สนองนโยบายรัฐบาล ที่ให้ทำเรื่องเสนอของบกลางจัดซื้อเครื่องสแกนม่านตา เพื่อใช้กับแรงงานต่างด้าว แต่นายวรานนท์ ไม่ทำ และ พล.อ.ศิริชัย ก็เห็นด้วยกับนายวรานนท์ เพราะเห็นว่าการพิสูจน์สัญชาติ ที่ประเทศต้นทางรับรอง และการออกบัตรประจำตัวชั่วคราวที่ทำอยู่ เพียงพอแล้ว จึงไม่จำเป็นสแกนม่านตาอีก (ย้ำยังเป็นเพียงแค่กระแสข่าว)
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความเห็นของนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าอุตสาหกรรมไทย ก็ดูจะให้น้ำหนักไปทางการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวที่ล่าช้าจริง โดยนายธนิต ได้ออกมาให้ความเห็นประเด็นร้อนแรงนี้ว่า ตนมองว่านายวรานนท์ เป็นคนทำงาน แต่เรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ยังเป็นแนวคิดเดิมๆ ถ้าให้ตนเดาคิดว่า อาจจะเป็นเพราะเรื่องของการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวที่อาจมีความล่าช้าอยู่ รัฐบาลคงกังวลว่าอาจจะไม่ทัน 1 ม.ค. 2561 หรือไม่ แต่การโดนม. 44 เด้งฝ่าผ่าแบบนี้ทั้งๆ ที่เรื่องการโยกย้ายข้าราชการสามารถทำได้ผ่านกระบวนการปกติของหน่วยงาน ที่มีรมว.แรงงานเป็นหัวหน้าหน่วยงานนั้น อาจจะมีปัญหาอะไรมากกว่านี้หรือไม่
"แต่การเปลี่ยนผู้ดูแลเรื่องการจัดการแรงงานต่างด้าวกลางคันนี้ ตนก็หวังว่าจะแก้ปัญหาได้ดีขึ้น" รองประธานสภาองค์กรนายจ้างฯ ให้ความเห็น