ผวาคุก-ไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนจตุพร!! "อำมาตย์เต้น-ก่อแก้ว" ย่องมอบตัวคดีเผยแพร่เอกสารลับปี 52 ขยาดคุกเหตุโทษหนักถึง 10 ปี

 

ผวาคุก-ไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนจตุพร!! "อำมาตย์เต้น-ก่อแก้ว" ย่องมอบตัวกองปราบ คดีเผยแพร่เอกสารลับของทางราชการปี 52 โดยนำหนังสือลับมาก ด่วนที่สุด ของกระทรวงต่างประเทศ ไปเผยแพร่ผ่านรายการ และยังนำไปตีพิมพ์เผยในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยทั้งคู่ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา หลังตรวจสอบประวัติ ตำรวจปล่อยกลับบ้าน ขณะผู้สื่อข่าวรายงาน คดีนี้โทษหนักถึงคุก 10 ปี

 

วันนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้แกนนำเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก ผกก.สอบสวน กก.6 บก.ป. หลังถูกออกหมายเรียกเพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ และนายสังคม ดำรงค์ยุทธภูมิ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อปี 2552 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ , นายก่อแก้ว พิกุลทอง , นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ และนางสุพัฒภาย์ พัฒนรพันธุ์ อดีตแกนนำกลุ่มเสื้อแดงกับพวก ในฐานความผิดตามมาตรา 123 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความเอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ มาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใดๆ ให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสาร หรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับ เพื่อความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี กรณีนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนายก่อแก้ว ได้นำหนังสือกระทรวงการต่างประเทศ (ลับมาก ด่วนที่สุด) ไปเผยแพร่ผ่านรายการ และยังมีการนำเอกสารไปตีพิมพ์เผยในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ช่วงระหว่างวันที่ 22-24 ธันวาคม อีกด้วย

 

รายงานข่าวระบุว่า ทั้งนายณัฐวุฒิ และนายก่อแก้ว ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนจึงพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติ ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับไปโดยไม่มีการควบคุมตัวแต่อย่างไร เนื่องจากทั้งคู่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือทางพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวต่อไป ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่า นายสังคม นอกจากจะแจ้งความไว้ที่กองปราบแล้ว ยังแจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง อีกด้วย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นว่า เป็นคดีเดียวกัน จึงได้มีคำสั่งให้ทาง บช.น.โอนคดีมาให้ตำรวจกองปราบปรามเป็นคดีเดียว