ผงะ! กระชากหน้ากากคนสั่งปิดสนามบิน-โยนผิดพันธมิตรฯ 800 ล้าน ที่แท้ฝีมือ"เสรีรัตน์" พี่เมีย"วีระกานต์" แดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ-สั่งการเอง

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

"ศิษย์หัวซาน - ที นิวส์" 


วานนี้มีข่าวใหญ่ทางการเมืองข่าวหนึ่ง นั่นคือ ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ 13 แกนนำพันธมิตรฯ กว่า 800 ล้านบาท จากคดีนำมวลชนบุกรุกปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยฝ่าย ทอท.อ้างว่าทำให้สนามบินเสียหาย และอัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ จนมาถึงบทสรุปยึดทรัพย์ 13 แกนนำกว่า 800 ล้านบาท ดังกล่าว


ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ออกมาเปิดเผยว่า ตนไม่มีความเห็นอะไรในเรื่องนี้ รวมทั้งยังไม่รู้ว่าจะเอาทรัพย์สินที่ไหนมาให้ยึด และยังยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด แต่ทำไมโดนฟ้องร้องเรียกเงินมากมายเป็นร้อยๆ ล้าน ยังกับไปเผาตึก ซึ่งยังไม่เคยเผาตึกสักหลัง 


อย่างไรก็ตาม เรื่องการปิดสนามบินนี้...มีการเมืองสีเสื้อแฝงอยู่มาก ดังนั้น Tnews จะย้อนเล่ารายละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อเท็จจริง และเหตุใดพันธมิตรฯ จึงกลายเป็นแพะรับบาปกรณีนี้ไป

 

ตามข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์....ย้ำตามข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ ผู้สั่งปิดสนามบินตัวจริง และโยนความผิดให้กลุ่มพันธมิตรฯ กระทั่งศาลฯ สั่งให้ยึดทรัพย์ 800 ล้านอย่างที่กล่าว พบข้อมูลไม่ต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ ที่แท้เป็นฝีมือ "เสรีรัตน์ ประสุตานนท์" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เหนืออื่นใด คือ ข้อมูลพบว่า เขาคือ พี่เมียของ "วีระกานต์ มุสิกพงษ์" 1 ใน 3 แกนแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ...ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า...เหตุใดการหลบหลีกการโจมตีของผู้นิยมความรุนแรงจากฝ่ายที่นิยม "ระบอบทักษิณ" ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าไปยังบริเวณถนนหน้าอาคารรับส่งผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ...เพราะต้องการอาศัยถนนที่อยู่ด้านบนช่วยป้องกันการถูกถล่มด้วย M 79 ซึ่งถล่มใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ทุกคืนในช่วงนั้น...จึงกลายเป็นการสั่งปิดสนามบินไปได้...ทั้งที่ระบบการบิน รวมทั้งรันเวย์ และการบริการอื่น ๆ ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ  แต่เมื่อพบว่า ผู้สั่งปิดคือ พี่เมียของ "วีระกานต์ มุสิกพงษ์" 1 ใน 3 แกนนำแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ...ทุกอย่างก็ชัด

 

หลักใหญ่ใจความของเรื่องนี้ต้องย้อนไปช่วงกลางปี 2553 คือเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 เมื่อศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ออกนั่งบัลลังก์สืบพยานโจทก์ในคดีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯรวม 13 คน ในความผิดฐานละเมิดและขับไล่ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 245,790,774 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีนำกลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯชุมนุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ช่วงเดือน พ.ย.ปี 2551

 

 

โดยวันนั้น "นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เป็นพยานขึ้นเบิกความสรุปว่า "ยอมรับสารภาพเป็นผู้สั่งการให้ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" โดยเขาอ้างว่า เนื่องจากพนักงานของสนามบินตื่นตระหนก ไม่กล้าทำงาน และคำสั่งปิดสนามบินเป็นการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เพราะหากเปิดให้บริการต่ออาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสาร โดยเป็นการสั่งปิดให้บริการชั่วคราวในเวลา 21.00 น. และแจ้งปิดอย่างเป็นทางการในเวลา 23.00 น. หรือในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา

 

ในวันนั้น นายเสรีรัตน์ ยังยอมรับกลางศาลด้วยว่า ตนเองเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ "นางศรีวิไล ประสุตานนท์" ภรรยา .นายวีระ มุสิกพงศ์" (ชื่อเดิม) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แกนนำแดงตัวเอ้แห่งระบอบทักษิณ แต่เขากลับอ้างหน้าตาเฉยว่า  ไม่ทราบเรื่องที่ "นายวีระ" น้องเขยเป็นหัวหอกเคลื่อนไหวทางการเมืองให้ระบอบทักษิณ (ที่ใช้คำว่า เขากลับอ้างหน้าตาเฉย เพราะช่วงนั้นการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยเฉพาะม็อบใหญ่ช่วงเดือน พ.ค. 2553 เป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องยาวนานนับเดือน...แต่เสรีรัตน์อ้างไม่รู้)

 

ขณะที่ ข้อเขียนของ "สุเทพ อัตถากร" เรื่อง “ยึดสนามบินไทย-ฝรั่งวัฒนธรรมการเมืองที่ต่างกัน” ในประเด็นการกล่าวหา “พันธมิตรฯ ปิดสนามบินฯ” อันนำไปสู่มติที่บอร์ดการบินไทย และบอร์ดการท่าอากาศยานฯ รวมทั้งความพยายามของตำรวจที่จะเอาผิดแกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาฉกาจฉกรรจ์ เช่น ก่อการร้าย บุกยึดระบบขนส่งมวลชนของประเทศ 
        

โดยในข้อเขียน คุณสุเทพ ได้ตั้งข้อสังเกต ถึงการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาล มุ่งหน้าไปยังสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อกดดันให้นายกฯ สมชายลาออกจากตำแหน่ง แต่การชุมนุมกินพื้นที่ เฉพาะบริเวณที่เป็นทางรถวิ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารด้านนอกเท่านั้น มิได้เข้าไปยึดหรือเกี่ยวข้องภายในตัวอาคารสนามบินแต่อย่างใดเลย และตลอดคืนวันนั้นจนกระทั่งถึงเวลา 10 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินต่างๆ ยังคงสามารถขึ้นลงได้ตามปกติ ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย  เรียกได้ว่า เจ้าหน้าที่การท่าฯ นอกจากจะยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงที่ควรแจ้งข่าวไปยังผู้โดยสารอื่นๆ และหน่วยงานต่างๆ แต่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ของการท่าฯ ก็มิได้กระทำ กลับอ้างว่าผู้โดยสารต้องเสียเวลา หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องเสียเวลาเพราะไม่ทราบมาก่อนว่าจะปิดสนามบิน 
        
       
"ความจริงแล้วเมื่อผู้ชุมนุมมานั่งชุมนุมอยู่ข้างนอก ปราศรัยและร้องเพลงกันมาหลายชั่วโมงตลอดคืน เครื่องบินขึ้นลงได้เป็นปกติตลอดคืนจนถึงช่วงสายของวันรุ่งขึ้น จึงมีคำถามแรกที่ควรถูกถามด้วยความสงสัยก็คือ ผู้ว่าการท่าอากาศยานฯ สั่งปิดท่าอากาศยานฯ นั้นในเวลาต่อมา ชอบด้วยเหตุด้วยผลโดยสุจริตใจหรือไม่ หรือด้วยมีเหตุจูงใจประการอื่น" นั่นคือ ข้อสังเกตที่ "คุณสุเทพ อัตถากร" บันทึกไว้เมื่อกว่า 8 ปีก่อน


 

อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของคุณสุเทพ สอดคล้องกับสิ่งที่ "นายพิภพ ธงไชย" อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว  "Pibhop Dhongchai" เพื่ออธิบายกรณีนี้ โดยเฉพาะประเด็น "ผู้ว่าการท่าฯสั่งปิดสนามบินเอง และละทิ้งผู้โดยสาร จนอาสาสมัคร พธม.ที่รู้ภาษาต่างประเทศ ต้องไปบริการผู้โดยสาร ที่ถูกผู้ว่าการท่าฯทิ้ง" หลังศาลฯ สั่งให้ต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 522 ล้านบาทเมื่อ 3-4 วันก่อน โดยรายละเอียดที่ อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรก ระบุไว้ คือ 


อีกข้อเท็จจริง ที่ถูกมองข้าม กรณีพันธมิตรฯ ชุมนุมที่สนามบิน พธม.ไม่ได้ไปยึดสนามบิน แต่ไปดักรอนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กลับจากต่างประเทศ จึงไปดักรอทั้งสองสนามบิน โดยชุมนุมอยู่บริเวณทางวิ่งของถนนรถยนต์ที่ใช้รับส่งผู้โดยสาร เท่านั้น เหมือนคราวหนึ่ง พธม.นัดไปสนามบินดอนเมิอง เพื่อดักรอนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร จะบินกลับจากองค์การสหประชาชาติ จึงอย่าตีความว่า พธม.ยึดสนามบิน


เพราะไม่ได้คิดยึดสนามบิน แต่ผู้ว่าการท่าฯสั่งปิดสนามบินเอง และละทิ้งผู้โดยสาร จนอาสาสมัคร พธม.ที่รู้ภาษาต่างประเทศ ต้องไปบริการผู้โดยสาร ที่ถูกผู้ว่าการท่าฯทิ้ง แกนนำ พธม.ต้องบริหารจัดการไม่ให้สนามบินเสียหาย ทั้งลานบิน และร้าน Duty Free รวมทั้งจัดหาเครื่องบินมารับผู้แสวงบุญไปร่วมพิธีฮัจญ์สำเร็จ จนเมื่อมวลชนเรือนหมื่นถอนตัวกลับ หลังจากที่ศาล รธน.ตัดสินยุบพรรค 3 พรรค  ผู้ว่าการท่าฯผู้สั่งปิดสนามบิน ก็สามารถจัดการสั่งเปิดสนามบินได้ทันที ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมวลชน พธม.ถอนตัว แล้วมีอะไรเสียหาย ความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากการสั่งปิดและไม่หาทางจัดการสั่งการขึ้นลงของเครื่องบินโดยสารเอง ทั้งให้ไปลงสนามบินนานาชาติอื่น ที่มีเต็มประเทศ ก็สามารถทำได้ทำไมแกนนำ พธม.ทำได้ โดยหาเครื่องบินจากอาหรับ มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา รับผู้แสวงบุญ ขึ้นบินไปซาอุฯได้ และยังจัดการให้เครื่องการบินไทยขึ้นจากสนามบินดอนเมืองไปหาดใหญ่ รับผู้แสวงบุญได้ทันเช่นกัน 


เพราะฉะนั้น อย่าใช้ คำว่า "พธม.ยึดสนามบิน" พี่น้อง พธม.สามารถยับยั้งไม่ให้รัฐบาลตัวแทนตระกูลชินวัตร บริหารงานสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติได้ถึง 3 รัฐบาล ดังรายละเอียดปรากฎในสำนวนคดีที่คาอยู่ที่ศาลหลายคดี ไปรื้อมาอ่านกันได้ แล้วเป็นอย่างไร พอถึงรัฐบาลตระกูลชินวัตร รัฐบาลที่ 4 นายกรัฐมนตรี ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อะไรเกิดขึ้น  ความเสียหายต่อแผ่นดินนับแสนล้าน ตระกูลชินวัตร จะรับผิดชอบไหม ?

พิภพ ธงไชย

อกีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
23 กย.2560


เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ อาจไม่จำเป็นต้องสรุปเสียแล้ว เพราะทั้งข้อเขียนของคุณสุเทพ หรือข้อความจาก อดีตแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นแรกอย่างนายพิภพ ธงไชย ก็ชัดพอที่ระบุได้แล้วว่า แท้จริงใครคือ ...ไอ้โม่งคนสั่งปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วโยนผิดพันธมิตรฯ และต่อให้ไม่ต้องเอาคำสารภาพของนายเสรีรัตน์ กลางศาลแพ่งวันนั้นมารวมก็ชัดโดยตัวเองอยู่ดี...และนี่คืออีกหนึ่งความจริงที่คนไทยควรรู้ว่า...ใครโยงใยการสั่งปิดสนามบิน...และมีเหตุผลลึก ๆ นั้น...เพื่ออะไรกันแน่??

 

อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำของฝ่ายพันธมิตรฯ ก็ยืนยันแล้วว่า พวกเขาน้อมรับคำตัดสินของศาลฯ แม้จะต้องชดใช้เป็นจำนวนเงินมหาศาลก็ตาม และจะยังต่อสู้โดยใช้ช่องทางตามกฎหมายต่อไป

 

ขอบคุณพิเศษ : ข้อมูลจากทุกท่านที่เอ่ยนาม

 

อ่าน เรียก 800 ล้านอย่างกับพันธมิตรฯไปเผาตึก?! "จำลอง"มึนถูกฟ้อง 800 ล้านคดีปิดสนามบินอย่างกับไปเผาตึก ลั่นไม่ต้องระดมทุน-ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน