- 02 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.com
กรณีมาตรการห้ามสูบบุหรี่บริเวณชายหาดใน 24 หาด ตามประกาศของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวว่า นับตั้งแต่มีการลงนามความร่วมมือเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพในด้านการป้องกันภัยคุกคามทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และภัยสุขภาพจากบุหรี่บริเวณพื้นที่ชายหาด
ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ว่าราชการจังหวัดใน 15 จังหวัด นายกเทศมนตรีและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลใน 24 หาด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 เป็นต้นมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ก็ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับการบังคับใช้มาตรการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ประกอบไปด้วยการรณรงค์ทั้งในระดับพื้นที่ทั้ง 24 หาด และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
.JPG?x-image-process=style/md-webp)
ผ่านสื่อในทุกรูปแบบ โดยรณรงค์ร่วมกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ จัดทำจุดสำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวได้ใช้เป็นพื้นที่สูบบุหรี่และที่เก็บขยะบุหรี่ จำนวน 214 จุด มีการจัดเจ้าหน้าที่แต่งกายด้วยเสื้อสัญลักษณ์โครงการฯ ถือป้ายเดินรณรงค์ในพื้นที่บริเวณชายหาด ทั้ง 24 หาด ตลอดทั้ง 90 วัน จำนวน 778 ครั้ง มีการติดตั้งป้ายรณรงค์และแจกแผ่นพับที่จัดทำขึ้นเป็น 3 ภาษาทั้งภาษาไทย อังกฤษ และจีน แก่นักท่องเที่ยวทั้ง 24 หาดทุกวัน
นอกจากนี้ยังมีการประกาศเสียงตามสายประชาสัมพันธ์โครงการฯ การรณรงค์ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท เรือท่องเที่ยว รถโดยสาร เพื่อให้แจ้งแก่นักท่องเที่ยวถึงมาตรการนี้ นอกเหนือจากนั้นกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งยังร่วมกับผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (AIS และ TRUE) ส่งข้อความทั้งภาษาไทยและ อังกฤษ แจ้งเตือนผู้ใช้โทรศัพท์ เมื่อเข้าในบริเวณเขตพื้นที่ตามประกาศทั้ง 24 หาด ถึงการกำหนดพื้นที่ชายหาดปลอดบุหรี่และการทิ้งขยะ และกำหนดโทษที่จะได้รับหากไม่ปฏิบัติตาม จำนวนกว่า 2,188,581 ครั้ง สำหรับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ
กรมฯได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่กว่า 10 ครั้ง เพื่อช่วยรณรงค์ผ่านทางช่องทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ รวมทั้งสื่อออนไลน์ มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมากกว่า 1,000 ครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ได้นำความเคลื่อนไหวของโครงการเผยแพร่ทาง Facebook ตลอดระยะเวลาทุกวันเช่นเดียวกัน ส่วนการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ กรมได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ช่วยรณรงค์ ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจถึงมาตรการดังกล่าว แก่สถานทูตทุกแห่งที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศให้ทั่วถึงอีกด้วย
สำหรับชายหาดในพื้นที่ 24 แห่ง ประกอบไปด้วย 1.) หาดบานชื่น อ.คลองใหญ่ จ.ตราด 2.) หาดแหลมเสด็จ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี 3.) หาดแสงจันทร์ อ.เมือง จ.ระยอง 4.) หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี 5.) หาดถ้ำพัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี 6.) หาดทรายแก้ว อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 7.) หาดดงตาลพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 8.) หาดชะอํา อ.ชะอํา จ.เพชรบุรี 9.) หาดหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 10.) หาดเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 11.) หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร 12.) หาดบ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 13.) หาดโฉลกบ้านเก่าเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 14.) หาดปลายทราย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช 15.) หาดชลาทัศน์ อ.เมือง จ.สงขลา 16.) หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี 17.) หาดป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต 18.) หาดเกาะไข่นอก อ.เกาะยาว จ.พังงา 19.) หาดเกาะไข่ใน อ.เกาะยาว จ.พังงา 20.) หาดเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 21.) หาดพระแอะ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ 22.) หาดคลองดาว อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ 23.) หาดคอกวาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ และ 24.) หาดสําราญ อ.หาดสําราญ จ.ตรัง
อย่างไรก็ตามในช่วงแรกมีการประกาศใช้มาตรการฯ เพียงจำนวน 24 หาด จากจำนวนทั้งหมด 357 หาด นักท่องเที่ยว อาจเกิดความเข้าใจผิดได้ เช่น กรณีที่มีข่าวออกมาของเกาะสมุย ซึ่งแท้จริงแล้วหาดบ่อผุด เป็นหาดที่อยู่ในโครงการฯ แต่หาดเฉวง ไม่ได้เป็นหาดที่อยู่ในโครงการฯ แต่อยู่ใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย เช่นเดียวกัน จึงเกิดปัญหาขึ้น
อีกอย่างนักท่องเที่ยวหน้าใหม่จะวนเวียนมาท่องเที่ยวกันตลอดเวลาทุกวัน การประชาสัมพันธ์ถึงมาตรการอย่างทั่วถึงและตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นและสำคัญมาก จึงขอฝากผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ตลอดจนพี่น้องสื่อมวลชน ช่วยทำความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวให้ด้วย อธิบดีจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณคลิปประกอบ สุนิภา หนองตรุด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ตรัง
