- 14 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
"คนชังชาติตัวเองนั้นสามารถด่าประเทศตัวเองได้ไม่หยุดแม้วันอาทิตย์ ผมคิดว่าคนพวกนี้แม้เวลานอนหลับยังละเมอด่าชาติตัวเองว่า กะลา กะลา .... จนตื่น
วันนี้มีคนด่ารัฐบาล ด่าเศรษฐกิจ ด่าประเทศที่พ่อแม่รวมถึงตัวเองเกิดมา ว่าล้มเหลว อีกหน่อยมาเลย์ก็แซงหน้า ตอนนี้เวียดนามแซงไปแล้ว บลา บลา บลา ..."
เป็นย่อหน้าแรกที่ "นักวิชาการอิสระ Pat Hemasuk" เจ้าของเพจดังออกมาตอกหน้า "แก๊งร่านฯ ชังชาติตนเอง" ที่พยายามสร้างเรื่องเท็จโจมตีชาติตัวเองในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ที่พยายามอ้างว่า...ไทยกำลังจะล้าหลังในอาเซียน ซึ่ง "Pat Hemasuk" ออกมาตีแสกหน้าว่า...เรื่องทั้งหมดเป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิง เพราะตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทยก็ระบุชัดว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของไทยเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มอาเซียน เป็นรองสิงคโปร์อยู่นิดเดียวเท่านั้นเอง มากกว่ามาเลย์ตั้งสองเท่าครึ่ง มากกว่าเวียดนามสี่เท่ากว่า
....แค่นี้ก็พอจะเห็นความมดเท็จ พยายามโจมตีชาติตนเองของ "แก๊งร่านฯ" เหล่านั้นแบบเด็กเลี้ยงแกะอายจนสิ้นแล้ว
สำหรับรายละเอียดทั้งหมด "Pat Hemasuk" ระบุ ไว้ คือ
คนชังชาติตัวเองนั้นสามารถด่าประเทศตัวเองได้ไม่หยุดแม้วันอาทิตย์ ผมคิดว่าคนพวกนี้แม้เวลานอนหลับยังละเมอด่าชาติตัวเองว่า กะลา กะลา .... จนตื่น
วันนี้มีคนด่ารัฐบาล ด่าเศรษฐกิจ ด่าประเทศที่พ่อแม่รวมถึงตัวเองเกิดมา ว่าล้มเหลว อีกหน่อยมาเลย์ก็แซงหน้า ตอนนี้เวียดนามแซงไปแล้ว บลา บลา บลา ...
ทั้งที่ข้อมูลที่คนชังชาติเอามาด่าชาติตัวเองนั้นไม่จริงเลย เพราะคนพวกนี้วันๆ ไม่ชอบดูข่าว ไม่ชอบอ่านหนังสือถ้ายาวเกิน 7 บรรทัด
เวียดนามนั้นอีกไกลในทุกด้านเมื่อเทียบกับไทย ทั้งคุณภาพของประชากรกลุ่มแรงงาน ลอจิสติกส์ของประเทศ อินฟาร์สตรักเจอร์ที่จะหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรม จนอาจจะพูดได้ว่าพื้นฐานความพร้อมของประเทศนั้นยังห่างจากไทยอยู่ไม่น้อย เวียดนามนั้นได้เปรียบไทยอยู่เรื่องเดียวคือค่าแรงขั้นต่ำที่ต่ำกว่าไทยเท่านั้น
ส่วนมาเลย์นั้นเอาตัวให้รอดจากวิฤติเงินริงกิตและเสถียรภาพของการเมืองให้นิ่งได้เสียก่อนแล้วค่อยมาคุยกันเรื่องตัวเลขอื่นๆ เมื่อเทียบกับสภาวะโดยรวมของไทย เพราะไม่กี่วันมานี้เองมาเลย์ยังมีการชุมนุนเสื้อเหลืองเสื้อแดงและการปะทะกันทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งอยู่เลย แต่เรานั้นสภาวะความมั่นคงทางการเมืองนิ่งมาเกือบสี่ปีแล้ว
มาดูตัวเลขจริงๆ กันดีกว่า ประเทศไทยนั้นมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นอันดับสองของกลุ่มอาเซียน เป็นรองสิงคโปร์อยู่นิดเดียวเท่านั้นเอง มากกว่ามาเลย์ตั้งสองเท่าครึ่ง มากกว่าเวียดนามสี่เท่ากว่า นี่คือตัวเลขเมื่อปลายปีที่แล้วนะครับ ตัวเลขของเดือนที่ผ่านมาก็ดูจากตารางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ผมเอามาแปะให้ดูได้เลย
มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยนั้นอยู่ที่อันดับที่ 12 ของโลก และอันดับ 2 ของอาเซียน ไล่บี้หายใจรดต้นคอกับอันดับ 1 ไม่มาก และเมื่อเดือนเมษาที่ผ่านมาเรามีเงินอยู่ในคลัง 215,152.08 ล้านดอลล่า (มากกว่าสองแสนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านดอลล่า) หรือ 6,779,441.90 ล้านบาท (เฉี่ยวหกจุดแปดล้านล้านบาทไปนิดเดียว) ทั้งที่ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งขึ้นมาประมาณหนึ่งบาทเสียด้วยซ้ำ เห็นตัวเลขของจริงแบบนี้แล้วยังจะมาด่าอะไรกับรัฐบาลและประเทศไทยอีก รักจะเป็นลิเบอร่านที่ดีต้องรักการอ่านและเลือกเสพข่าวสารด้วยนะครับ
ส่วนอัตราการส่งออกของเรานั้นตัวเลขของกระทรวงพานิชสรุปปิดไปเมื่อเดือนธันวาปี 60 ที่ผ่านมา เติบโต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี และมีมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 236,694 ล้านเหรียญ (มากกว่าสองแสนสามหมื่นล้านเหรียญ)
ส่วนในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตที่ 5-7% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่ราว ๆ 248,529 – 253,263 ล้านเหรียญ ซึ่งในเวลานี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ตามเป้า
นี่คือตัวเลขจริง มีที่มาที่ไป อ้างอิงได้จริง ไม่ต้องไปจิ้นข้อมูลละเมอด่าประเทศของตัวเองว่ากะลาแต่อย่างไร
ถ้าคนอื่นเขาทำมาหากินกันทั้งประเทศจนตัวเลขรวมมันออกมาได้แบบนี้แล้ว ควรหันมาดูตัวเองด้วยว่าทำมาหากินอย่างไรถึงไม่ทันคนอื่น คิดอะไรแปลกใหม่มาทำมาหากินแข่งกับคนอื่นบ้างไหม ปรับธุรกิจของตัวเองให้ดีกว่าเมื่อห้าปีที่แล้วหรือเปล่า ดีกว่าจะมาบ่นว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่ดี รัฐบาลทหารบริหารเศรษฐกิจแย่ รัฐบาลทหารทำงานไม่เป็น รัฐบาลทหารทำให้คนไทยทำมาหากินฝืดเคือง บลา บลา บลา...... ทั้งที่ทีมเศรษฐกิจของไทยที่ทำงานในเวลานี้ไม่ใช่ทีมที่มีทหารเข้าไปยุ่งเลยสักหน่อย
ผมกลับคิดว่าคนที่สมควรกับคำว่ากะลาคือคนพวกนี้แหละครับ ไม่ใช่ประเทศชาติเลยสักนิด
เครดิตภาพ ธ.แห่งประเทศไทย, International Monetary Fund, World Data Atlas, Ceic Data
ขอบคุณข้อเขียน : "Pat Hemasuk"