ร้อนตัวจนชาวบ้านรู้?! "ลูกโอ๊ค"โวยแหลกห้าม ตร.ตามก้นนักการเมือง ลากไปโน่นบอก"ไม่ระบุไปเลยห้ามชินวัตรเล่นการเมือง-เลิกแล้วห้ามตามจบ"

 

หลังภาพ“สารวัตรหนุ่ย” หรือ "พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย" ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เดินถือถุงช็อปปิ้งห้างดังตามก้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  กลางเมืองลอนดอน เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็พบว่าเขา ไปโผล่ที่รัสเซียร่วมชม "ศึกฟุตบอลโลก 2018" พร้อมกับนักโทษหนีคดี “นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ "พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล" รอง ผบ.ตร ฝ่ายความมั่นคงออกมาตำหนิผ่านสื่อถึงการไปโผล่ที่ลอนดอนของ “สารวัตรหนุ่ย”ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และสั่งยกเลิกการลา พร้อม ๆ กับตั้งกรรมการสอบสวนกรณีนี้

 

แต่แปลก...ทั้ง ๆ ที่สั่งยกเลิกการลา และสั่งให้บินกลับมารายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาทันที หลังเรื่องแดง แต่คล้อยหลังจากนั้นแค่อาทิตย์กว่า ๆ “สารวัตรหนุ่ย” กลับไปโผล่ที่รัสเซียร่วมชม "ศึกฟุตบอลโลกกับ “นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์” จนได้

...เรื่องนี้ทำให้สังคมคลางแคลงใจเป็นอย่างมาก และมองว่า...คงต้องมี "คนโกหก" หรือ "ปกป้องกันเอง" แน่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่...หากสั่งระงับการลา และเรียกตัวกลับมาช่วงปลายเดือนมิถุนายนจริง แล้วจู่ ๆ วันที่ 14 ของเดือนกรกฏาคม ซึ่งไม่ถึง 2 อาทิตย์ดี...เขากลับไปโผล่ที่รัสเซีย พร้อม "เจ้านาย" ได้

หรือ...บินกลับมา...แล้วจับเครื่องบินไปรัสเซียใหม่...ถ้าเป็นเช่นนั้น...แล้วเรื่อง...ระงับวันลาจะว่าไง...ไม่เป็นการย้อนแย้งเกินไปหรือ... ที่จริง...เรื่องนี้ก็ค้นหาคำตอบได้ไม่ยาก...เมื่อ "พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์" จเรตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยด้วยตนเองเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ซึ่งก็คล้อยหลังจากที่พวกเขาไปโผล่ที่รัสเซียแค่ 2 วันว่า  "พ.ต.อ.วทัญญู" เพิ่งจะกลับมารายงานตัวในวันนี้ (16 ก.ค.)" ....นั่นอธิบายทุกอย่างได้ดี

 

ความคลางแคลงใจของสังคมต่อกรณีนี้ ทำให้ล่าสุดวานนี้ "นายมีชัย ฤชุพันธุ์" ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยตนเองว่า กรธ.มีแนวคิดจัดระบบตำรวจติดตามบุคคลสำคัญ ซึ่งมีทั้งพวกที่หน่วยงานราชการส่งไป และไม่ได้ส่งไป ซึ่งเราต้องหาทางทำให้สามารถใช้อัตรากำลังได้อย่างเพียงพอ เพราะยังมีความจำเป็นในการอารักขาบุคคลสำคัญ ดังนั้น จะระบุในกฎหมายให้ชัดเจนว่าอารักขาบุคคลในตำแหน่งใดบ้าง โดยให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศ ส่วนที่เหลือที่ไม่เข้าข่ายจะต้องกลับต้นสังกัด แต่คงไม่ถึงกับยกเลิกตำรวจอารักขา เพราะภารกิจของตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์กับบุคคลสำคัญ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากพระบรมวงศานุวงศ์ ต้องพิจารณาว่าใครบ้างที่เป็นบุคคลสำคัญ คนธรรมดาตำแหน่งใดบ้างที่สมควรมีตำรวจอารักขา ก็ให้กำหนดให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าใช้อัตรากำลังไปกี่คน รวมไปถึงตำรวจที่ไปลงชื่อว่าไปช่วยงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แต่ตัวไม่ได้ไป โดยไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ก็จะทำให้ชัดเจนว่า กอ.รมน.ต้องการกี่คน ซึ่งต้องไปทำงานจริงไม่ใช่ไปรายงานตัวแล้วหายไปเลย

"คนระดับนายกรัฐมนตรี แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว ก็ควรต้องมีตำรวจอารักขา เพราะถือว่าเป็นเกียรติ แต่อดีตนายกฯ คนนั้นจะต้องไม่มีคดีติดตัว ส่วนใครบ้างที่เป็นอดีตนายกฯ แล้วสมควรมี ก็ให้ ครม.ตัดสิน ส่วนกรณีตำรวจอารักขา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือว่าเข้าข่ายความผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ เป็นเรื่องของตำรวจที่จะดำเนินการ" นายมีชัย ระบุ

แน่นอน ถ้อยคำของ อ.มีชัย โดยเฉพาะประโยคที่ว่า..."คนระดับนายกฯ แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว ก็ควรต้องมีตำรวจอารักขา แต่อดีตนายกฯ คนนั้นจะต้องไม่มีคดีติดตัว ส่วนใครบ้างที่เป็นอดีตนายกฯ แล้วสมควรมี ก็ให้ ครม.ตัดสิน" ย่อมสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายที่....คลับคล้ายคลับคลาว่าจะถูกพาดพิงจากกรณีนี้แน่

และเรื่องนี้ก็เป็นจริงดังคาด ล่าสุด  "ลูกโอ๊ค" หรือ "นายพานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของนายทักษิณ ได้ทวิตข้อความถึงกรณีทันทีว่า  "โถ่พี่ พูดงี้ระบุตัวไปเลยเหอะ ตั้งแต่รธนล่ะ ห้ามชินวัตรเล่นการเมืองเลิกแล้วห้ามอารักขาจบ"

...และก็อย่างที่บอก...พลันที่ข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป..."เสี่ยโอ๊ค" ก็โดนสวนอย่างหนักเช่นกันว่า...ก็เขาก็บอกชัด ๆ ว่า "คนระดับนายกฯ แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว ก็ควรต้องมีตำรวจอารักขา แต่อดีตนายกฯ ที่มีคดีติดตัว...ทำเช่นนั้นไม่ได้" เพราะมันไม่เหมาะควร....ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน...ไม่มีคดีก็อารักขาได้...จะร้อนตัวไปทำไม