"รัฐบาลก่อน ขับเคลื่อนเรื่องต้านคอรัปชั่นได้น้อย เพราะไม่ได้รับความร่วมมือ"! ความจริงแท้ยุค ปชต. จากปาก"ประมนต์-คนต้านโกง" 

"ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดนี้ ยอมรับว่าการขับเคลื่อนเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นทำได้น้อยมาก เพราะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการคอรัปชั่นที่จำเป็นได้ แต่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากภาครัฐเห็นความสำคัญขององค์กร ที่จะช่วยขับเคลื่อนการต่อต้านทุจริต"

 

"ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดนี้ ยอมรับว่าการขับเคลื่อนเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นทำได้น้อยมาก เพราะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการคอรัปชั่นที่จำเป็นได้ แต่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากภาครัฐเห็นความสำคัญขององค์กร ที่จะช่วยขับเคลื่อนการต่อต้านทุจริต"


ประโยคข้างต้นอาจถือเป็นไฮไลต์ที่ "นายประมนต์ สุธีวงศ์" ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ลอกคราบความจอมปลอมของรัฐบาล "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง....เสียจนแทบจะล่อนจ้อน ในงานแถลงผลงาน 7 ปีองค์กรต่อต้านคอรัปชันประเทศไทย (ACT) วานนี้ 

 

เพราะถ้อยคำของ "ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น" นั้นระบุชัดว่า...เป็นรัฐบาลไหน...ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องต่อต้านคอรัปชั่น จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ โดยนายประมนต์ แจกแจงด้วยว่า ในช่วงการทำงานตลอด 7 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วงคือก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดนี้ ยอมรับว่าการขับเคลื่อนเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่นทำได้น้อยมาก เพราะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลน้อย จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการคอรัปชั่นที่จำเป็นได้ แต่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากภาครัฐเห็นความสำคัญขององค์กร ที่จะช่วยขับเคลื่อนการต่อต้านทุจริต


“องค์กรพยายามวางตัวเป็นกลาง จึงมีส่วนร่วมแก้ไขปรับปรุงหลายเรื่องที่คิดว่าจำเป็น ขณะนี้กระบวนการที่ทำมาทำให้การทุจริตคอร์รัปชั่นลดลงระดับหนึ่ง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจากผลการสำรวจ ยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นลดลง แต่ยังไม่พอเพียง จึงต้องดำเนินการอีกมากที่จะไม่ให้มีผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมต่อไปในอนาคต ซึ่งสถานการณ์การเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากอดีตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มลดลงมาก ทำให้ตระหนักรู้ว่ามีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น แต่หากระบบการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นอ่อนแอลงเมื่อใด การทุจริตจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายประมนต์ กล่าว

 

ทั้งยังบอกด้วยว่า แม้รัฐบาลชุดนี้มีโครงการก่อสร้างมากมาย แต่องค์กรฯได้ร่วมตรวจสอบโครงการสำคัญต่าง ๆ และเบื้องต้นองค์กรฯ สามารถดำเนินการจนส่งผลให้ประหยัดงบประมาณในภาครัฐได้ถึงร้อยละ 25 ส่วนคะแนนความจริงใจของรัฐบาลนี้ในการร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นกี่คะแนน นายประมนต์ ถึงกับว่า ขอให้ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกฯ ถึง 100 คะแนนเต็ม แต่ยอมรับว่ายังมีบุคคลใกล้ตัวหลายคนที่สังคมตั้งข้อสงสัย ฯ

 

ถ้อยคำของนายประมนต์แจ่มชัดจนไม่ต้องตีความใด ๆ อีกแล้ว และจะว่าไปก็สอดคล้องกับผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เรื่องดัชนีคอร์รัปชันไทยเดือนธันวาคม 2560 หรือเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา โดย  "Kittitouch Chaiprasith" นักวิชาการอิสระ ได้หยิบผลสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้า มาอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ในเวลาต่อมา หลังสังคมถกเถียงกันว่ายุคทหาร กับยุคเลือกตั้งใครโกงกว่ากัน โดย "Kittitouch" ว่า แม้ผลสำรวจดัชนีการโกงของยุค คสช. จะขยับเพิ่มขึ้น 5-15 % ก็ยังน้อยกว่าปลายยุครัฐบาลอภิสิทธิ์  และตลอดช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จนยุบสภา ซึ่งอัตราจ่ายสินบนใต้โต๊ะช่วงนั้นสูงถึง 25-35 % ทีเดียว


เรื่องนี้ถือเป็นใบเสร็จชั้นดีเช่นกันว่า...รัฐบาลประชาธิปไตย...มูมมามเช่นไร ยิ่งมาบวกรวมกับคำกล่าวของ "นายประมนต์" วานนี้ที่ว่า "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ให้ความร่วมมือเรื่องต่อต้านคอรัปชั่น" นั่นยิ่งต้องตั้งคำถามว่า...ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...หรือเป็นเพราะ "วัวมันสันหลังหวะ" และแตะไปตรงไหนก็เจอทุจริตยุ่บยั่บไปหมด...แบบ "หยิกเล็บเจ็บเนื้อ" ยังไงยังงั้น