- 12 ก.ย. 2561
"หนุน อ.ยักษ์"! “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง รมว. เกษตรฯ ระบุขอให้ยุติการใช้สารพิษเกษตรที่มีงานวิจัยรองรับแล้วว่า เป็นอันตรายต่อชีวิต และสุขภาพของประชาชนอย่างมาก รวมทั้งจี้ให้เปิดชื่อ และสอบสวนเชิงลึกว่า มีบริษัทเอกชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐสุมหัวกันฉ้อฉล เกี่ยวกับเกี่ยวการอนุญาตให้ต่อทะเบียนสารพิษเหล่านั้นหรือไม่
"หนุน อ.ยักษ์"! “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ร่อนจดหมายเปิดผนึกถึง รมว. เกษตรฯ ระบุขอให้ยุติการใช้สารพิษเกษตรที่มีงานวิจัยรองรับแล้วว่า เป็นอันตรายต่อชีวิต และสุขภาพของประชาชนอย่างมาก รวมทั้งจี้ให้เปิดชื่อ และสอบสวนเชิงลึกว่า มีบริษัทเอกชนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐสุมหัวกันฉ้อฉล เกี่ยวกับเกี่ยวการอนุญาตให้ต่อทะเบียนสารพิษเหล่านั้นหรือไม่
วันนี้ (12 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์พบว่า ที่หน้าเพจเฟซบุ๊ค “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ได้มีการเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกที่ยื่นถึง "นายกฤษฎา บุญราช" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง"การใช้สารพิษในการเกษตรที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อประชาชน" ลงวันที่ 11 กันยายน 25561 ที่ผ่านมา
โดยในจดหมายระบุว่า เนื่องจากมีความวิตกกังวลในหมู่ประชาชนอย่างมากในขณะนี้ว่า รัฐจะปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชนอย่างไร เมื่อพบว่าทุกวันนี้อาหารและพืชผลการเกษตรมีสารพิษตกค้างจำนวนมาก อันเป็นผลจากการใช้พาราควอตและสารพิษเพื่อการเกษตรอื่น แต่ก็ยังปล่อยให้มีการจำหน่ายและใช้ทั่วไปในปริมาณมหาศาล แม้นักวิชาการด้านการแพทย์ นักวิจัย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงเกษตรฯ จะออกมาให้ข้อมูลคัดค้านอย่างต่อเนื่อง
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ขอสนับสนุนท่าทีของนายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา นักวิจัยอาวุโส รวมทั้งองค์กรภาคประชาสังคมและนักวิจัยอีกจำนวนมาก ที่ต้องการเห็นคนไทยมีสุขภาพดี แผ่นดินไทยปราศจากสารพิษ ด้วยการหยุดใช้สารเคมีเพื่อการเกษตรที่เป็นอันตรายร้ายแรงทั้งหมดในทันที และขอเสนอแนวทางต่อรัฐบาล 3 ข้อ ดังนี้
1. ในการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ขอให้ยึดเอาสุขภาพที่ดีของประชาชน สำคัญกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้า และให้นำผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศคณะต่างๆ ทั้งด้านสังคม ด้านสาธารณสุข ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะทำงานสารที่มีความเสี่ยงสูง ของกระทรวงสาธารณสุข มาใช้ประกอบการตัดสินใจ
2. ควรเปิดเผยรายชื่อเอกชนที่มีผลประโยชน์ทางการค้าไม่ว่าจะเป็นไทยหรือต่างชาติ เพื่อความโปร่งใส และสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐ เช่น ดีเอสไอ ได้สอบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคลในคณะกรรมการวัตถุอันตราย อนุกรรมการ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้ต่อทะเบียนกับนักธุรกิจสารพิษ เพื่อการเกษตร ว่ามีพฤติกรรมที่ฉ้อฉล หรือมีการเอื้อประโยชน์กันหรือไม่
3. ควรแก้ไขพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ โดยเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ให้มีตัวแทนภาคประชาชนและหน่วยงานที่ดูแลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งควรให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาตัดสินใจ
ทั้งนี้ ช่วงท้ายของจดหมายยังระบุว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เห็นว่า เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชน รัฐบาลควรให้ยุติการใช้งานสารพิษร้ายแรงเหล่านี้ จนกว่าผู้จำหน่ายจะสามารถหาข้อพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ไม่เป็นพิษกับประชาชน