- 14 ก.ย. 2561
มัดแน่น! เปิดคำฟ้อง"วรรณภา" ที่แท้"เสื้อกบฏ"แม่ซึ่งเป็นแนวร่วม"สหพันธรัฐไท"จัดการให้ ทำมา 3 ครั้ง แต่อ้างไม่อายบอก-ไม่ฝักใฝ่การเมือง
ว่าไปแล้ว การ“รวบสาวใหญ่-นางวรรณภา คำพิพจน์ ” อายุ 30 ปี ตัวการเผยแพร่เสื้อดำ แถบป้ายสีขาวและสีแดงบริเวณหน้าอก ซึ่งชัดแล้วว่าเป็นเสื้อของ "กลุ่มสหพันธรัฐไท" อีกปีกหนึ่งของคนเสื้อแดง...กลุ่มต่อต้านสถาบันที่หนีข้ามลำน้ำโขงไปเคลื่อนไหวใต้ดินอยู่ที่นั่น ที่ห้องพักย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา นับว่าน่าสนใจแล้ว
แต่ทว่า...คำร้องที่ทางพนักงานสอบสวน กองปราบปรามยื่นต่อศาล เพื่อดำเนินคดีกับเธอ ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ม.209 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 แห่งพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก (ก่อนที่เธอจะได้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน 2 แสนบาท) นั้น กลับน่าสนใจยิ่งกว่า
เพราะในคำร้องนั้น...แทบจะเป็นการเปลื้อยเปลืองตัวตน และแก่นคิดทางการเมืองของ "นางวรรณภา" รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องอย่าง "แม่แท้ ๆ ของเธอ" จนสิ้น เพราะคำร้อง...ระบุชัดในตอนหนึ่งว่า...
"แกนนำองค์กรสหพันธรัฐไทยซึ่งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้จัดทำเสื้อดำติดธงสัญลักษณ์และมีนางวรรณภาผู้ต้องหา เป็นบุคคลที่รับเสื้อดังกล่าว จากนางสมพิศ สมบัติหอม มารดาผู้ต้องหา ซึ่งเป็นแนวร่วมกลุ่มสหพันธรัฐไทที่หลบหนีจากประเทศไทย เข้าไปเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกเพื่อขยายแนวร่วม โดยเดินทางเข้าไปทาง จ.หนองคาย ได้รับเสื้อมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเดินทางไปเสื้อดังกล่าว แล้วนำมาส่งที่ไปรษณีย์หนองคาย เพื่อส่งให้กับแนวร่วมตามที่อยู่ต่างๆ ส่วนเสื้อที่เหลือนำมาไว้ที่ห้องตัวเองเพื่อรอให้ส่งสมาชิก ตามคำสั่งของนางสมพิศ จนเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบและจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ยังพบว่ามีการถ่ายภาพใบปลิวข้อความปลุกระดม ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.เวลา 16.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม (กก.1บก.ป.) ได้ร่วมกันจับกุม นางวรรณภา ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2067/2561 ลงวันที่ 11 ก.ย.2561 จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน"
อย่างที่บอก...คำร้องดังกล่าว แทบจะเป็นการเปลื้อยเปลือง "แดงปีกซ้ายสุดโต่ง อย่างวรรณภา และแม่ของเธอ" จนสิ้น เพราะถ้อยความนั้นเผยให้เห็นการ "ทำงานใต้ดิน" ชิ้นนี้อย่างละเอียดยิบ...ซึ่งระบุไว้ด้วยซ้ำว่า..."เธอเดินทางไปรับเสื้อมาแล้วถึง 3 ครั้ง ก่อนจะนำมาส่งต่อที่ไปรษณีย์หนองคาย เพื่อส่งให้กับแนวร่วมตามที่อยู่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ"
แต่แปลก...แม้ฝ่ายบ้านเมืองจะมีหลักฐานแน่นหนาขนาดนั้น..."ตัววรรณภา" กลับยังกล้าบอกว่า "เธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และไม่ทราบว่าสัญลักษณ์บนเสื้อมีความหมายอย่างไร ทั้งเธอไม่เคยฝักใฝ่เรื่องการเมือง แต่ที่มีเสื้อไว้ในครอบครองนั้น เพราะรับเสื้อมาจากมารดาอีกที เพื่อนำไปส่งให้กับบุคคลตามรายชื่อที่มารดากำหนดมาให้ และค่าใช้จ่ายในการส่งทางมารดาจะเป็นผู้โอนเงินมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็ทำมาแล้วหลายครั้งจึงไม่ทราบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย"
...นั่นคือข้ออ้างของวรรณาในชั้นพนักงานสอบสวน ที่เธอบอกกับ "น.ส.ภาวิณี ชุมศรี" ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นทนายที่มักจะทำคดีให้กับคนเสื้อแดง และเดินทางมาเป็นฝ่ายกฎหมายให้กับเธอในวันนั้น
อย่างไรก็ตาม หลังพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังเธอต่อศาล ทางด้านทนายของเธอ ได้ยื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอประกันตัวในเวลาต่อมา และหลังศาลพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวได้ โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท ถ้วน
แต่แม้เธอจะได้รับการประกันตัวไปแล้ว แต่รับรองว่า...คดีอั้งยี่-ซ่องโจรที่อยู่ในชั้นศาลแล้วนั้น...จะทำให้ชีวิตเธอไม่เหมือนเดิมอีกเลย...และอาจต้องพิสูจน์อย่างหนักว่า...เธอนั้นไร้เดียงสา...และไม่ฝักใฝ่การเมืองอย่างที่บอก...และโยนความผิดที่ส่อจะเข้าข่าย "กบฏ" ให้แม่แท้ ๆ ของตน...ซึ่งว่ากันว่า...เป็นแดงตัวเอ้แห่งเมืองมหาสารคาม...(ก่อนจะไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มสหพันธรัฐไท) ไปแบบไม่ใยดี...ในสายสัมพันธ์แม่-ลูกนั้น....จริงหรือไม่